เทคนิคการเที่ยวในตัวเมือง

เมืองเป็นแหล่งรวมความเจริญก็จริง อยู่ แต่ในขณะเดียวกันก็มีภัยแอบแฝง เช่น นักล้วงกระเป๋า พวกต้มตุ๋น คนติดยา ฯลฯ เหล่านี้เราสามารถป้องกันได้ในเบื้องต้น

โดยไม่ไปเดินตามย่านเปลี่ยวๆคนเดียว หรือตามมุมมืด ไม่เชื่อใจใครง่ายๆ ไม่กินหรือดื่มสิ่งที่คนแปลกหน้ายื่นให้ รูดซิปกระเป๋าให้สินทุกครั้ง

เวลาสะพายกระเป๋าควรแนบไว้ข้างลำตัวหรือเอาไว้ข้างหน้า ไม่ควรจดรหัสบัตรเอทีเอ็มใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ ควรเก็บเงินแยกกันไว้ในหลายกระเป๋า และไม่ควรสวมเครื่อง ประดับมีค่าติดตัวไปมาก เป็นต้น

นอกจากนี้ในสถานที่พัก ควรล็อกกลอนประตูให้สนิทก่อนนอนหรือออกไปเที่ยวที่ไหน อย่าทิ้งของมีค่าไว้ในห้องพัก และควรดูเส้นทางหนีไฟเตรียมไว้ในกรณีฉุกเฉินด้วย


ที่มา http://www.chanforchan.com/

เทคนิคการเที่ยวในช่วงเทศกาล

1. ถ้ามีเวลาท่องเที่ยวมาก
หรือ ถ้าช่วงเทศกาลนั้นหยุดนาน อยากพักผ่อน ในการท่องเที่ยวจริงๆ อย่าไปสถาน ท่องเที่ยวยอดนิยม หรือสถานที่เที่ยวที่ไกลจากจังหวัดที่ท่านอยู่ เพราะทุกคนก็จะหยุดพร้อมๆ กัน และแห่กันไป เที่ยวที่เดียวกับท่าน เพราะฉะนั้น อาจจะเที่ยวให้ใกล้เข้ามาอีกหน่อย แต่อยู่หลายวันแทน

2. คุณต้องจองก่อนเดินทาง หรือจองล่วงหน้า
เชื่อ เถอะครับว่าบางคน หรือบางบริษัททัวร์ จองต้นปีเที่ยว ท้ายปีก็มี เพราะนักท่องเที่ยว อีกจำนวนไม่น้อย ที่นิยมการเที่ยว แบบตายเอาดาบหน้า ผลก็คือ จะทำให้ การเดินทางของท่าน เสียเกือบทั้งหมด

3. ทำการบ้านให้ดี
ข้อ นี้ก็คือคุณจะต้อง ตรวจสอบไปที่จังหวัด หรือ ททท. ของพื้นที่ เพื่อยืนยัน เทศกาลของจังหวัด ที่คุณจะไปเที่ยวให้ดี เพราะบ่อยครั้ง ที่มีการเลื่อนงาน หรือเทศกาล จากหมายกำหนดการเดิม ที่วางแจ้งไว้ ในกำหนดการล่วงหน้า

4. ศึกษาเส้นทางให้ดี
เพราะ หลายครั้ง เส้นทางยอดนิยม เช่น ในกรุงเทพ ไม่ว่า เส้นบางนา หรือเส้นวิภาวดี ทำให้คุณแทบจะกิน นอนบนรถ เพราะฉะนั้น ลองดูเส้นทางให้ดี ถ้ามีทางเลือกอื่น อย่าเดินทางในเส้นทางหลัก ในขั้นแรก ของการเดินทาง แต่หลังจากนั้น ควรเปลี่ยนเข้าเส้นทางหลัก เพราะปลอดภัยกว่า

5. อย่าหวังน้ำบ่อหน้า
ข้อ นี้สำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเต้นท์ ถุงนอน หรือที่พัก แม้กระทั่ง การซื้อตั๋วต่างๆ เพราะอย่างน้อย ถ้าคุณเตรียมไปก่อน การท่องเที่ยวครั้งนั้น ของคุณ ก็จะไม่ต้องแก้ปัญหา ในเรื่องที่ คุณแก้ได้ ตั้งแต่ถ้าคุณเตรียมตัวมาดี


ข้อมูลจาก : Study ฉบับ แหล่งท่องเที่ยว "เที่ยว"

เทคนิคการแบกเป้เที่ยว

สำหรับนักแบกเป้เที่ยว (Back Packer) ที่ต้องเดินทางเองและติดต่อกับผู้คนท้องถิ่นมากเป็นพิเศษ ไม่ควรไว้ใจใครง่ายๆ ไม่กินหรือดื่มสิ่งที่คนแปลกหน้าให้ไม่ควรมี ข้าวของและกระเป๋ามากชิ้นเกินไปจนพะรุงพะรังและดูแลไม่ทั่วถึง ไม่ควรพกสิ่งของมีค่าไปมากนัก

โดยเฉพาะเครื่องประดับ ควรมีกระเป๋าคาดเอวใบเล็กๆใส่เอกสารและของสำคัญๆติดตัวไว้เสมอ ไม่ควรออกมาเดินเที่ยวคนเดียวในยามราตรี

และที่สำคัญ คุณควรมีแผนที่ หรือคู่มือท่องเที่ยวติดตัวไปบ้าง เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐาน ไม่ให้ถูกหลอกหรือถูกโกงได้ง่ายๆ



ที่มา http://www.chanforchan.com/

หลักการเที่ยวต่างประเทศให้ปลอดภัย

กรุณาจัดเตรียม เสื้อผ้าที่สวมอบอุ่นสบาย เสื้อกันหนาว ร่มขนาดเล็ก หรือร่มที่พับได้ติดตัวไปด้วย เพราะบางประเทศฝนตกบ่อยๆ เช่น ยุโรป หรืออาจเป็นเสื้อกันฝนแบบบาง มี 1 วันต้องขึ้นหิมะ โปรดเตรียมเครื่อง

กันหนาว และอุปกรณ์เครื่องกันหนาว เช่น เสื้อกันหนาว ถุงมือ ถุงเท้า ผ้าพันคอ หมวก รองเท้าสวมสบาย ไม่ควรเป็นรองเท้าใหม่ (อุณหภูมิยอดเขาติดลบประมาณ -13 องศาเซลเซียส)

กระเป๋าเดินทาง ควรเป็นกระเป๋าใหญ่ใบเดียว น้ำหนักไม่เกิน 20 กก. เพื่อสะดวกในการลากขึ้นรถไฟ TGV และกระเป๋าเล็ก 1 ใบ สำหรับสิ่งของที่จำเป็น และต้องใช้บ่อย (ขนาดของกระเป๋าที่ถือขึ้นเครื่องได้มาตรฐาน 55x40x15 ซ.ม หรือ 21.5x15.5x6 นิ้ว)

สกุลเงิน สวิส ใช้เงินสวิสฟรังก์ อิตาลี, ฝรั่งเศส ใช้เงินยูโร ไคโร ใช้เงินยูเอสดอลล่าร์

บัตรเครดิต ควรแจ้งสำนักงานบัตรเครดิตหรือธนาคารที่ออกบัตรว่าจะเดินทางไปยุโรป เพราะบางครั้งใช้เวลาตรวจสอบนาน และควรขยายวงเงินเผื่อใช้ฉุกเฉิน

ร้านค้า ส่วนใหญ่รับบัตรเครดิต เช่น อเมริกันเอ็กซ์เพรส, ไดเนอร์, วีซ่า, มาสเตอร์ จะไม่ชาร์จ

สิ่งของที่น่าซื้อ ช็อกโกแลต, มีดพก, นาฬิกา, ของที่ระลึก

ค่าทิป ต้องทิปแก่คนขับรถโค้ชที่ขับเป็นเวลาหลายๆ วัน ประมาณ 2 ยูโร/วัน/ท่าน

ไฟฟ้า 220 โวลท์ ปลั๊กแบบ 2 ขากลม ยกเว้นสวิสแบบ 3 ขาแบน

ข้อแนะนำทั่วไป หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) โปรดเก็บรักษาให้ดีที่สุด กรุณาตรงต่อเวลาทุกครั้งที่มีการนัดหมายเพื่อประโยชน์ของหมู่คณะ หากท่านจะเดินทางแยกจากคณะควรพกนามบัตรโรงแรมไปด้วยทุกครั้ง สิ่งของมีคมห้ามพกพาขึ้นเครื่องบินเป็นอันขาด

ขณะที่อยู่ที่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง-ด่านศุลกากรและตามพรมแดนกรุณางดถ่ายภาพ เพราะเป็นข้อห้ามของทุกที่

ข้อควรปฏิบัติ อย่านำมีดปอกผลไม้, ที่ตัดเล็บหรือสิ่งของที่เป็นโลหะ ใส่กระเป๋าเล็กที่ถือขึ้นเครื่อง (กรุณาใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่)

ห้ามนำ ของเหลวขนาดเกิน 100 มล. ถือขึ้นเครื่อง เช่น ครีมทาผิว, เจลใส่ผม เป็นต้น

อาหาร อาหารกลางวันและอาหารค่ำ ส่วนใหญ่เป็นอาหารจีน และพื้นเมืองเล็กน้อย เช้าแบบอเมริกัน (เตรียมอาหารและขนมคบเคี้ยวส่วนตัวไปได้) และสำหรับท่านที่ไม่กินหมูกินเนื้อ โปรดแจ้งล่วงหน้า 2 สัปดาห์

ยาประจำตัว หากท่านมีโรคประจำตัว ควรเตรียมยาไปให้เพียงพอ

เหล้าและบุหรี่ แพง ควรเตรียมจากเมืองไทย แต่ร้านอาหารไม่อนุญาตให้นำเหล้าจากภายนอกเข้าไปดื่ม

กล้องถ่ายภาพ ฟิล์ม แบตเตอรี่และอุปกรณ์การถ่ายภาพ ควรตรวจเช็คให้พร้อม และเตรียมไปให้พอเพียง เพราะในยุโรปมีราคาสูงเช่นกัน

อย่าเก็บสิ่งของมีค่าไว้ในกระเป๋าเดินทาง หรือกระเป๋าแฮนด์แบ็ก เพราะอาจสูญหาย หรือถูกโจรกรรม

มิจฉาชีพ จำพวกล้วงกระเป๋า กรีดกระเป๋ามีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแหล่งท่องเที่ยว จึงควรจะระมัดระวัง และไม่ควรรับฝากสิ่งของไปให้ใครในยุโรปเด็ดขาด


http://www.marketatnation.com/

ข้อดีของการท่องเที่ยวแบบเป็นแพ็คเกจ

ข้อดีของการท่องเที่ยวแบบแพ็คเกจมีดังต่อไปนี้

- ค่าใช้จ่ายถูกกว่าราคาขายแยกถ้าเทียบกับ รายการที่จัดไว้ในแพ็คเกจ ถึง 30%

- ได้ท่องเที่ยวอย่างมีแบบแผน ทั่วทุกสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรม มัคคุเทศท้องถิ่น

- ได้บ้านพักแบบสบายและสามารถเลือกได้ตามใจต้องการ

- ได้รับประทานอาหารอย่างพร้อมเพียงโดยไม่ต้องรอ

- ไม่ต้องขนย้ายอุปกรณ์ประกอบอาหารมีมีเป็นจำนวนมาก บางทีอาจทำให้การท่องเที่ยวในครั้งนั้นเป็นเรื่องน่าเบื่อ

- สามารถทำกิจกรรมได้อย่างต่อเนื่องแบบเวลาต่อเวลาไม่ต้องรอ(เพราะทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วจากทีมงาน)

- ไม่ต้องติดต่อกับหน่วยงานราชการเพื่อยื่นเรื่องขอเข้าชมอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โดยทางเราเป็นผู้ประสานงานไว้แล้ว)

- มีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยแบบเป็นหมู่คณะ


ที่มา www.adventurespoint.com

แนะนำในการใช้หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกวิธี

หนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ตนี้ถือว่าเป็นเอกสารที่สำคัญมากที่สุดสำหรับผู้ที่จะเดินทางไป ต่างประเทศ ควรเก็บรักษาไว้อย่างดีและพกติดตัวตลอดเวลา เพื่อความสะดวกในการแสดงตนและการตรวจค้น

- ห้ามขีด เขียน แก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลภายในเล่มหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์

- ห้ามแกะ ตัด เย็บ เจาะรู หรือกระทำใด ๆ ที่อาจทำให้ปกหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ได้รับความเสียหาย

- ห้ามตัด งอ บิด หรือกระทำใด ๆ ที่อาจทำให้หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ยับย่น หรือ เปลี่ยนรูปไปจากเดิม

- ไม่ควรเก็บหนังสือเดินทางไว้ในบริเวณที่มีสนามแม่เหล็ก หรือสนามไฟฟ้าสูง และบริเวณที่มีคลื่นความถี่วิทยุ เช่นโทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ หรือไมโครเวฟ

- หลีกเลี่ยงการวางวัตถุสิ่งของที่มีน้ำหนักมากบนหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์

- ควรเก็บหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ไว้ในห้องที่แห้ง อากาศเย็น ไม่อับชื้น

- หลีกเลี่ยงการนำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์เข้าใกล้วัตถุที่มีความร้อน ซึ่งมีอุณหภูมิสูงกว่า 50 องศาเซลเซียส สถานที่มีแสงแดดส่องถึงได้เป็นเวลานาน สถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่- เปียกแฉะ สัมผัสน้ำ หรือสถานที่ใกล้สารเคมีต่าง ๆ รวมทั้งสถานที่ที่มีฝุ่นละออง

- ผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศเป็นระยะเวลานาน ควรแจ้งชื่อ ที่อยู่ให้สถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลไทยในประเทศที่เดินทางไปพำนักทราบ รวมทั้งแจ้งการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ทุกครั้ง เพื่อสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลไทยสามารถติดต่อท่านได้ในยามฉุกเฉิน

- หนังสือเดินทางเป็นเอกสารอันมีค่า ไม่ควรให้ตกไปอยู่ในความครอบครองของบุคคลที่มิได้รับมอบหมาย บุคคลสัญชาติไทยถือหนังสือเดินทางได้ฉบับเดียว หากหนังสือเดินทางสูญหาย ผู้ถือจะต้องแจ้งกองหนังสือเดินทาง หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่น หรือสถานทูต สถานกงสุลไทยทราบทันที


ที่มา http://www.folktravel.com/

การบริหารร่างกายเพื่อความสบายระหว่างเดินทาง

การบริหารร่างกายต่อไปนี้ ได้รับการคิดค้นขึ้นมาโดยคำนึงถึงเกิดความปลอดภัยในการยืดเส้นสาย และให้ความเพลิดเพลินอีกด้วย การนั่งอยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานานๆ ส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดอาการตึงเครียดได้ การบริหารนี้ยังช่วยให้ระบบการไหลเวียนของเลือดในร่างกายมีประสิทธิภาพมาก ขึ้น และยังเป็นการนวดกล้ามเนื้ออีกด้วย

เราแนะนำให้คุณออกกำลังประมาณ 3-5 นาทีทุกชั่วโมง และลุกเดินออกจากที่นั่งของคุณบ้างเป็นครั้งคราว ในการบริหารแต่ละท่า ควรหลีกเลี่ยงการรบกวนผู้โดยสารที่อยู่ข้างเคียงคุณ และไม่ควรทำต่อหากก่อให้เกิดความเจ็บปวด

1. ท่าหมุนข้อเท้า
ยก เท้าขึ้นเหนือพื้น วาดวงกลมด้วยนิ้วเท้า ในเวลาเดียวกัน ให้ขยับเท้าข้างหนึ่งตามเข็มนาฬิกา และอีกข้างทวนเข็มนาฬิกาสลับทิศทางของวงกลมเมื่อหมุนได้ทิศทางละ 15 วินาที สามารถทำซ้ำได้ตามความต้องการ

2. ท่ายกส้นและปลายเท้าขึ้นลง
การขยับเท้านี้มี 3 ขั้นตอน คือ
• เริ่มด้วยวางส้นเท้าทั้งสองข้างบนพื้น ยกปลายเท้าขึ้นให้สูงที่สุดเท่าที่คุณสามารถทำได้
• วางเท้าราบบนพื้น
• ยกส้นเท้าขึ้นโดยให้ปลายเท้าวางอยู่บนพื้น ทำซ้ำ 3 ขั้นอย่างต่อเนื่อง พัก 30 วินาทีแล้วเริ่มทำซ้ำ

3. ท่ายกเข่า
ยกและงอเข่าขึ้น ลง ทำซ้ำ 20-30 ครั้ง แล้วสลับข้างลักษณะเดียวกัน

4. ท่าหมุนคอ
ปล่อย ไหล่ตามสบาย เอียงหูข้างหนึ่งมาทางไหล่ และค่อยๆหมุนคอไปข้างหน้า โดยหมุนจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งช้าๆ (ซ้ายไปขวา หรือขวาไปซ้าย) จากนั้นค้างไว้ในแต่ละด้านประมาณ 5 วินาที ทำซ้ำ 5 ครั้ง

5. ท่ายกเข่าเข้าหาอก
โน้ม ตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ประสานมือทั้งสองข้างรอบเข่าข้างซ้ายและรัดเข้าหาอก ดึงให้แน่นแล้วค้างไว้เป็นเวลา 15 วินาที ปล่อยขาลงช้าๆ อย่าเพิ่งปล่อยมือ จากนั้นสลับข้างและทำซ้ำ 10 ครั้ง

6. ท่าโค้งตัวไปข้างหน้า
วาง เท้าทั้งสองข้างบนพื้น แขม่วท้อง ค่อยๆ โน้มตัวไปข้างหน้าช้าๆ เลื่อนมือทั้งสองข้างไปตามหน้าขาจนถึงข้อเท้า จับข้อเท้าค้างไว้ 15 วินาที และขยับตัวช้าๆ เพื่อกลับมานั่งตามเดิม

7. ท่าหมุนไหล่
โก่ง ไหล่ทั้งสองข้างมาข้างหน้า จากนั้นยกไหล่ขึ้นด้านบน และเคลื่อนไปด้านหลัง จากนั้นกดลงด้านล่าง แต่ละด้าน ให้หมุนไหล่เป็นวงกลมอย่างช้าๆ

ที่มา http://www.tourlok.com/

ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางโดยเครื่องบิน

สาเหตุหลักของอาการเหนื่อยล้ามาจาก การเดินทางข้ามเขตเวลา โดยที่ร่างกายไม่ได้ปรับตัวกับรอบเวลาใหม่ โดยทั่วไป ยิ่งคุณเดินทางข้ามเขตเวลามากเท่าใด ก็ยิ่งจะเป็นการรบกวนนาฬิกาชีวภาพในร่างกายของเรามากขึ้นเท่านั้น

อาการที่จะเกิดขึ้นตามมาโดยทั่วไป ได้แก่ การนอนไม่หลับ ความรู้สึกเหนื่อยล้า ไม่อยากรับประทานอาหาร หรืออยากทานอาหารในเวลาที่ไม่เหมาะสม


เพื่อเป็นการลดผลกระทบจากความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง เราขอแนะนำให้คุณ

• นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในคืนก่อนการเดินทาง

• ถ้าเป็นไปได้ ให้เวลา 1-2 วัน เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัวสู่รอบเวลาใหม่หลังจากการเดินทาง

• ถ้าเลือกได้ควรเลือกเที่ยวบินที่บินตรงสู่จุดหมาย เพื่อเป็นการลดระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทาง ทั้งนี้จะช่วยให้คุณพักผ่อนได้มากขึ้นเมื่อเดินทางถึงจดหมายปลายทางแล้ว

• ให้ออกกำลังกายเบาๆ เดินกระฉับกระเฉงไปมา หรืออ่านหนังสือหากคุณไม่สามารถนอนหลับเมื่อคุณเดินทางถึงที่หมาย โดยปกติแล้วร่างกายจะใช้เวลา 1 วันโดยประมาณ เพื่อปรับตัวสู่รอบเวลาใหม่

ที่มา http://www.tourlok.com/

การเตรียมเอกสารก่อนเดินทางไปต่างประเทศ

การเดินทางเริ่มมีความสำคัญและเป็นสิ่งจำเป็นที่เข้ามาเป็น ส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งเป็นที่ที่เราไม่เคยคุ้นเคยมาก่อนอาจนำมาซึ่งความไม่สะดวก ความไม่ปลอดภัยกับชีวิตและทรัพย์สินของเรา คู่มือนี้เป็นคำแนะนำด้านความมั่นคงปลอดภัยส่วนบุคคล เพื่อลดโอกาสจากการคุกคามจากภัยต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับเราโดยตรง หรืออาจจะเกิดจากผู้อื่นซึ่งมีผลกระทบกับเรา

การเตรียมการด้านเอกสารสำคัญมี ดังต่อไปนี้

1.หนังสือเดินทางที่ยังไม่หมดอายุและวีซ่าตรวจดูว่ามีอายุการใช้งานได้ครอบคุมระยะเวลาการปฏิบัติงานของท่านในประเทศนั้นหรือไม่

2.ตั๋วเครื่องบิน

3.ใบรับรองการประกันภัย,ประกันสุขภาพเพื่อการเดินทางไปต่างประเทศ

4.ใบรับรองฉีดวัคซีน/กรุ๊ปเลือด(บางประเทศอาจต้องใช้)

5.หมายเลขโทรศัพท์ ในการติดต่อกับปลายทางและกรณีฉุกเฉิน

6.คู่มือในการเดินทางเล่มนี้

ให้ ทำการถ่ายสำเนาหนังเดินทาง วีซ่า ตั๋วเครื่องบินและควรจดบันทึกหมายเลขบัตรเครดิตและเช็คเดินทางและเก็บไว้แยก จากตัวจริงและควรนำรูปถ่ายขนาดเท่ารูปถ่ายติดพาสปอร์ตพกติดไว้ด้วยสักรูปสอง รูป เผื่อจำเป็นต้องใช้


ที่มา http://www.tripandtrek.com/

ทำอย่างไรหากหนังสือเดินทางสูญหาย

กรณีที่ หนังสือเดินทางได้เกิดสูญหายในประเทศ คุณจะต้องติดต่อแจ้งความและรับใบแจ้งความจาก ตำรวจมายื่นขอทำหนังสือเดินทางฉบับใหม่และยกเลิกการใช้งานหนังสือเดินทาง ฉบับที่สูญหาย

กรณีที่หนังสือเดินทางสูญหายในต่าง ประเทศ คุณจะต้องแจ้งความหนังสือเดินทางสูญหายต่อทางการท้องถิ่นของประเทศนั้นๆโดย เร็วที่สุด และนำใบรับแจ้งความดังกล่าวนั้นพร้อมเอกสารแสดงการมีสัญชาติไทยของตนหรือ เอกสารทะเบียนราษฎรที่มีอยู่ เช่น บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน ฯลฯ ไปติดต่อที่สถานทูต สถานกงสุลไทยที่ใกล้ที่สุด เพื่อขอหนังสือเดินทางเล่มใหม่

**หากในกรณีที่ผู้ทำหนังสือเดินทางสูญหายต้องการเดินทางกลับประเทศไทยเป็น การเร่งด่วน ไม่สามารถรอรับหนังสือเดินทางได้ สถานทูตสถานกงสุลจะออกเอกสารเดินทาง(Certificate of Identity) ให้ใช้เดินทางกลับประเทศไทยได้ครั้งเดียว เมื่อกลับถึงประเทศไทยแล้วเอกสารเดินทางจะหมดอายุการใช้งาน

ข้อแนะนำ

ก่อนเดินทางออกนอกประเทศควรถ่ายเอกสารหนังสือเดินทางหน้าที่มีรูปถ่ายและ ข้อมูลส่วนบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนที่ยังมีอายุอยู่เก็บไว้แยกกัน ควรมีที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ของสถานทูตสถานกงสุลไทย ในประเทศที่จะเดินทางไปถึง


ที่มา http://www.folktravel.com/

มือใหม่หัดยื่นขอหนังสือเดินทางใหม่

มือใหม่หัดยื่นขอหนังสือเดินทางใหม่


ขั้นตอนที่ 1 รับบัตรคิว

ขั้นตอนที่ 2 ยื่นบัตรประจำตัวประชาชนที่มีเลข 13 หลักหากไม่มีเลข 13 หลัก ต้องนำสำเนาทะเบียนบ้านมาแสดงพร้อมเอกสารหลักฐานอื่น ๆ เพื่อตรวจสอบข้อมูล

ขั้นตอนที่ 3 - เก็บข้อมูลชีวภาพ (วัดส่วนสูง เก็บลายพิมพ์นิ้วมือนิ้วชี้ขวาและนิ้วชี้ซ้ายด้วยเครื่องสแกนข้างละ 2 ครั้ง และถ่ายรูป 2 ครั้ง)- แจ้งความประสงค์ที่จะขอรับเล่มทางไปรษณีย์

ขั้นตอนที่ 4 ชำระค่าธรรมเนียม 1,000 บาท และค่าส่งไปรษณีย์ (35 บาท) รับใบเสร็จรับเงิน และรับใบนัดรับเล่มท่านจะได้รับหนังสือเดินทาง ดังนี้

- หากยื่นที่กรมการกงสุล ผู้ร้องสามารถรับหนังสือเดินทางได้ 2 วันทำการไม่นับวันยื่นคำร้อง

- หากรับทางไปรษณีย์จะได้รับใน 5 วันทำการ ท หากยื่นที่สำนักงานสาขาในกรุงเทพฯ (ปิ่นเกล้าและบางนา) ผู้ร้องจะได้รับเล่มภายใน 3 วันทำการไม่นับวันยื่นคำร้อง

- หากรับทางไปรษณีย์จะได้รับใน 5 วันทำการ ท กรณียื่นคำร้องที่สำนักงานสาขาในต่างจังหวัดและขอให้จัดส่งทางไปรษณีย์ผู้ ร้อง (ในเขตเมือง) จะได้รับหนังสือเดินทางภายใน 5 วันทำการ


โดย ที่กระทรวงฯ ได้ติดตั้งเครื่องอ่านหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์จำลองเพื่อผู้ร้องสามารถ ทดสอบการผ่านเข้า-ออกท่าอากาศยานโดยอัตโนมัติไว้ 1 เครื่อง ที่กรมการกงสุล ดังนั้นจึงแนะนำให้ผู้ขอหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์มารับเล่มด้วยตนเอง เพื่อให้ผู้ถือหนังสือเดินทางมีความคุ้นเคยกับการใช้หนังสือเดินทาง อิเล็กทรอนิกส์และระบบตรวจคนเข้าเมืองอัตโนมัติ

ในกรณีจำเป็น อาจมอบอำนาจให้ผู้อื่นรับแทนหรืออาจร้องขอให้จัดส่งทางไปรษณีย์ (EMS)

การให้ผู้อื่นรับหนังสือเดินทางแทน

ผู้ ที่ยื่นคำร้องที่ไม่สามารถมารับหนังสือเดินทางเอง สามารถให้ผู้อื่นมารับแทนได้ โดยนำใบรับหนังสือเดินทางและบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงของผู้ขอหนังสือเดิน ทาง และบัตรประชาชนของผู้รับแทน พร้อมสำเนาบัตรประชาชนของผู้รับแทน 1 ชุด เพื่อเป็นหลักฐานการรับหนังสือเดินทาง

หน่วยงานในสังกัดกองหนังสือเดินทางกระทรวงการต่างประเทศ

กรมการกงสุล แจ้งวัฒนะ อาคารกรมการกงสุล 123 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 โทร. 0-2981-7171-99 โทรสาร. 0-2981-7256

สำนัก งานหนังสือเดินทางชั่วคราว บางนา ศูนย์การค้าเซ็ลทรัลซิตี้ บางนา บริเวณลานจอดรถ ชั้น 5 โทร.0-2383-8401-3 โทรสาร 0-2383-8398 (ไปที่ห้างเซ็นทรัลซิตี้ บางนา ขึ้นไปชั้น 5 แล้วเดินออกผ่านร้านปัญญาบุ๊คไปทางที่จอดรถ ก็เห็นสำนักงานครับ)

สำนัก งานหนังสือเดินทางชั่วคราว ปิ่นเกล้า ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ชั้น 8 ถนนบรมราชชนนี โทร. 0-2884-8831 , 0-2884-8838 โทรสาร 0-2884-8825

สำนัก งานหนังสือเดินทางชั่วคราว จังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ ถนนโชตนา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0-5389-1535-6 โทรสาร 0-5389-1534

สำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราว จังหวัดสงขลา ศาลากลางจังหวัดสงขลา (หลังเก่า) ชั้น 1 ถนนราชดำเนิน อ.เมือง จ.สงขลา 9000โทรศัพท์ 0-7432-6510-1 โทรสาร 0-7432-6506

สำนักงานหนังสือ เดินทางชั่วคราว จังหวัดขอนแก่น ศูนย์ราชการจังหวัดขอนแก่น ถนนศูนย์ราชการ โทรศัพท์ 0-4324-2707, 0-4324-3462, 0-4324-2655 โทรสาร 0-4324-3441

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

http://www.mfa.go.th/web/458.php

เกร็ดท่องเที่ยว : หลงทางในสนามบิน

ปัจจุบัน จำนวนของนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยเครื่องบินมีแต่จะสูงขึ้น เช่นเดียวกับสนามบินที่นับวันจะมีขนาด และความซับซ้อนที่มากขึ้นเป็นเงาตามตัว ถ้าคุณเป็นคนประเภทเดียวกับเรา นั่นก็แปลว่า คุณชอบการไปเยือนสนามบินใหม่ๆ เช็คดูสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัย และช็อปปิ้งในร้านปลอดภาษีหลายแห่ง แต่ขณะเดียวกัน นั่นก็หมายถึง คุณจะต้องลงจากเครื่องบิน ด้วยความง่วงหงาวหาวนอน หลังจากบินติดต่อกัน 13 ชั่วโมง แล้วมาวิ่งวุ่นขาแทบขวิดเป็นเวลาเกือบ 30 นาทีเพื่อหาว่าเที่ยวบินต่อไปอยู่ที่ไหน ก่อนจะพบว่าเครื่องบินจอดอยู่ที่อีกสุดฝั่งของสนามบิน

ถ้าไม่อยากเจอกับเหตุการณ์แบบนั้น เรามีเคล็ดลับเด็ดๆ มาแนะนำให้คุณ....เพียงแค่ตรวจเช็คข้อมูลเกี่ยวกับสนามบิน ก่อนที่จะเดินทางไปถึง นั่นจะช่วยให้คุณประหยัดเวลาและอุ่นใจไปได้มาก สายการบินบางแห่ง จะนำเสนอเส้นทางของเที่ยวบินก่อนที่จะลงจอด ดังนั้น เปิดหูเปิดตาเอาไว้เพื่อจะได้รู้ว่าคุณควรไปต่อเครื่องบิน ที่ใด หรือถ้าให้ดียิ่งกว่า คุณควรเข้าไปที่เว็บไซต์ของสนามบิน พรินท์แผนที่ออกมา และเก็บรวมไว้กับเอกสารเดินทางก่อนขึ้นเครื่อง

หากไม่รู้ว่าจะเข้าไปที่เว็บไซต์ไหน ลองคลิกไปที่ http://www.airlinequality.com/Airports/AirportA-Z.htm ซึ่งรวบรวมรายชื่อเว็บไซต์ ของสนามบินเกือบทั่วโลกเอาไว้ให้คุณได้ค้นหาข้อมูล

ที่มา http://www.tourlok.com/

10 เคล็ด (ไม่) ลับ เมื่อเลือกเดินทางโดยเครื่องบิน

หลายท่านที่เดินทางบ่อยๆ เป็นประจำ อาจมองข้ามจุดเล็กๆ น้อยๆ ในการปฏิบัติตัวบนเครื่องบินไป เนื่องจากความเคยชินและคิดว่าไม่น่าจะเป็นอันตรายอะไร สิ่งเล็ก ๆ น้อยๆ เหล่านี้ที่คุณมองข้ามไป มีอยู่หลายอย่าง ที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง เรื่องเล็กน้อยที่เหมือนเส้นผมบังภูเขานั้น อาจจะทำให้เกิดผลกระทบที่คุณคาดไม่ถึงได้

และเพื่อให้เที่ยวบินของคุณราบรื่นและสุขสนุก ตลอดการเดินทาง ลองอ่านและปฏิบัติตามกับเคล็ด (ไม่) ลับ 10 ประการต่อไปนี้ดู ซึ่งไม่ได้ยากเย็นอะไรเลยครับ

1. เลือกเส้นทางบินแบบเทคเดียวจบ
จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางเครื่องบินนั้น ช่วงที่ถือได้ว่าเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือ ตอนขณะเครื่องขึ้น (takeoff) , เครื่องไต่ระดับ (climb), เครื่องลดระดับ (descent) และช่วงนำเครื่องลง (landing) ฉะนั้นเพื่อลดความเสี่ยงในโดยสารเครื่องบิน หากเป็นไปได้ ให้เลือกเดินทางในเส้นทางบินที่ non-stop น่าจะดีกว่า นอกจากนี้ยังประหยัดเวลาและไม่เหนื่อยล้า สำหรับการเดินทางของคุณด้วย

2. เล็กๆ ไม่ ใหญ่ๆ ดีกว่า
ทราบมาว่า เครื่องบินที่มีที่นั่งมากกว่า 30 ที่ขึ้นไป จำเป็นที่จะต้องผ่านการตรวจสอบตามข้อกำหนดของการบินสากล ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่เคร่งครัด สำหรับการออกแบบเครื่องบินที่ปลอดภัยและมีการทดสอบก่อนบินจริง ดังนั้นเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่กว่า ย่อมหมายถึงประสิทธิภาพและสมรรถนะที่ดีกว่าเครื่องบินขนาดเล็ก โอกาสที่จะเกิดปัญหาทางเทคนิคก็น้อยลงนั่นเอง ของแบบนี้ คุณควบคุมไม่ได้ ใช่ไหมครับ?

3. ใส่ใจกับการสาธิตวิธีการใช้อุปกรณ์ต่างๆ และวิธีการเพื่อความปลอดภัย
คงจะมีบ้าง ที่คุณคิดว่า ผม/ดิฉัน เดินทางเป็นประจำ รู้อะไรต่างๆ ดี จึงเพิกเฉยกับการสาธิตต่างๆ จากพนักงานต้อนรับบน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว แต่ละเที่ยวบินของคุณนั้น คุณอาจจะถูกจัดที่นั่งในที่ที่ต่างไปจากเที่ยวบินก่อนๆ หรือรุ่นของเครื่องบินที่คุณกำลังเดินทางต่างแบบกัน หรือเป็นสายการบินที่ไม่เคยใช้บริการมาก่อน

ฉะนั้นทางออกฉุกเฉิน รวมถึงอุปกรณ์ช่วยชีวิตต่างๆ ก็ต้องแตกต่างไปจากที่คุณเคยเห็นแน่นอน สนใจศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมสักนิด สละเวลานั่งอ่านหนังสือพิมพ์เฉยๆ ซักไม่กี่นาที เพี่อชมการสาธิต และศึกษาคู่มือความปลอดภัย (Safety Card) ในกระเป๋าหน้าที่นั่งของท่านสักหน่อย อาจจะช่วยชีวิตคุณได้ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดนะครับ

4. การเก็บกระเป๋าสัมภาระส่วนตัว
ยิ่งเดินทางไกล หรือเดินทางไปนานๆ กระเป๋าของคุณก็มีน้ำหนักมากขึ้นตามไปด้วย สายการบินส่วนใหญ่ จะกำหนดน้ำหนักสัมภาระสำหรับหิ้วขึ้นเครื่องของผู้โดยสารเอาไว้ คุณควรจะปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด ทั้งนี้ทั้งนั้น เพื่อความสะดวกและปลอดภัยของคุณเอง การมีสัมภาระที่หนักอึ้งเหมือนภาระชีวิตใครบางคน เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่องเก็บของเหนือศีรษะนั้น สายการบินมีการจำกัดน้ำหนักเอาไว้

แต่ในความเป็นจริง เราไม่สามารถชั่งน้ำหนักในเครื่องก่อนเก็บไว้ได้ หากเกิดสภาพอากาศแปรปรวน (turbulence) ที่รุนแรง ช่องเก็บของอาจจะรับน้ำหนักจากการกระแทกของกระเป๋าหนักๆ ไว้ไม่ไหว ทีนี้หล่ะ หัวใครหัวมันครับ

นอกจากนี้บางคนยังวางเก็บกระเป๋าไว้ใต้ขา เพื่อเอาไว้รองขาเวลานอนนั้น จริงๆ แล้วอันตรายครับ หากเกิดสภาพอากาศแปรปรวนอย่างรุนแรงมากๆ กระเป๋าอาจจะลอยขึ้นแล้วตกลงมา ทำให้ผู้คนบาดเจ็บได้ จึงขอแนะนำให้นำแต่สัมภาระที่จำเป็น เก็บสัมภาระที่ไม่จำเป็นหรือหนักเกินไป โหลดเข้าเก็บในกระเป๋าใหญ่ ส่งไปใต้เครื่องดีกว่าครับ

5. รัดเข็มขัดนิรภัย ปลอดภัยที่สุด
นอกจากจำเป็นต้องรัดเข็มขัดนิรภัยขณะเครื่องขึ้นและลงแล้วนั้น ระหว่างการเดินทาง ควรรัดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งขณะนั่ง ถึงแม้มันอาจจะอึดอัดและไม่สบายตัว แต่การปฏิบัติเช่นนี้เป็นการป้องกันตัวคุณเองจากการตกหลุมอากาศแบบกระทันหัน ซึ่งบางครั้ง เป็นไปได้ที่นักบินไม่สามารถทราบได้จากหน้าจอเรดาห์

6. รับฟังและปฏิบัติตามคำแนะนำจากลูกเรือ
นอก เหนือจากหน้าที่ที่พนักงานต้อนรับ หรือที่เราเรียกกันติดปากว่าแอร์กับสจ๊วต จะดูแลและบริการคุณระหว่างการเดินทางแล้วนั้น การดูแลเรื่องความปลอดภัยของผู้โดยสาร ก็เป็นหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของพวกเขาด้วย ดังนั้นหากคุณได้รับการร้องขอหรือแจ้งให้ปฏิบัติ ก็ทำตามคำแนะนำและคำขอจากพวกเขาด้วย เช่นให้รัดเข็มขัดนิรภัย, เก็บสัมภาระไว้ในช่องเก็บของเหนือศีรษะ, ปรับพนักพิงหลังให้ตรง ฯลฯ เพราะสิ่งเหล่านี้ ล้วนเพื่อความปลอดภัยของคุณและผู้โดยสารคนอื่นๆ ทั้งสิ้น

7. ของร้อนโปรดระวัง
ระหว่างเที่ยวบินของคุณ แน่นอนที่สุด ที่พนักงานต้อนรับจะต้องให้บริการท่านด้วยชาและกาแฟร้อน หรือแม้แต่น้ำร้อนๆ ที่ผู้โดยสารขอ ดังนั้นเพื่อป้องกันการบาดเจ็บจากการถูกน้ำร้อนลวก บางสายการบิน พนักงานจะมีถาดไว้ให้คุณวางถ้วยกาแฟ กรุณารอจนพนักงานรินให้คุณเสร็จเรียบร้อยก่อน แล้วคุณจึงหยิบถ้วยกาแฟด้วยความระมัดระวัง หรือบางสายการบินไม่มีถาด แต่จะรินลงแก้วให้คุณโดยตรง อันนี้ต้องระวังครับ ควรรอให้พนักงานรินเสร็จเสียก่อน จึงค่อยดึงแก้วกลับมา มิเช่นนั้น กาแฟร้อนๆ อาจจะรดลวกตักคุณกลางอากาศได้ และบนเครื่องเอง ก็ไม่ใช่โรงพยาบาลเคลื่อนที่ด้วยซิ

8. ดื่มพอเป็นพิธี
เนื่องจากระหว่างการเดินทาง เครื่องบินนั้นต้องบินอยู่ในระดับความสูงที่สูงจากระดับน้ำทะเลมาก ภายในห้องโดยสารจึงต้องมีการปรับความดันให้คนเราสามารถอาศัยได้อย่างสบาย แม้จะมีการปรับสภาพแล้วก็ตาม ภายในห้องโดยสารก็ยังเปรียบได้กับสภาพบนภูเขาสูง อากาศจะเบาบางกว่าระดับน้ำทะเล ซึ่งการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์นั้น เป็นผลทำให้คุณเมาเร็วกว่าปกติ และเสี่ยงต่อการจับตัวเป็นก้อนของเลือดในเส้นเลือดของคุณ นำไปสู่อาการของโรคชั้นประหยัด (Economy Class Syndrome)

ฉะนั้นจึงควรดื่มของมึนเมาแต่พอประมาณ และดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ Note : คุณสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องการดูแลสุขภาพระหว่างเที่ยว บิน ได้ที่นี่ครับ

9. เขตปลอดวัตถุอันตราย
มีวัตถุหลายรายการที่เป็นสิ่งต้องห้ามบนเครื่องบิน เป็นการดีที่คุณจะศึกษาข้อมูลเหล่านี้ ก่อนเดินทาง ปกติแล้วคุณสามารถหาอ่านได้ ในตั๋วเดินทางของคุณ วัตถุที่ต้องห้ามต่างๆ เช่น แก๊สพิษ น้ำมันก๊าซ วัตถุไวไฟ สารทำละลาย เป็นต้น ทั้งนี้มีบางรายการที่ได้รับการยกเว้น หรือนำติดตัวไปได้ในจำนวนจำกัด

10. หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ไม่คาดฟัน
เช่น จำเป็นต้องออกจากเครื่องโดยเร็ว หรือลี้ภัยฉุกเฉิน (evacuation) คุณต้องปฏิบัติตามคำสั่งของลูกเรือโดยเคร่งครัด เพราะลูกเรือเหล่านั้น ได้รับการฝึกมาให้รับมือ กับสถานการณ์ฉุกเฉินมาแล้ว ดังนั้นคุณจึงควรควบคุมสติให้ดี แล้วพยายามหาทางออกที่ใกล้ตัวที่สุด และออกจากเครื่องบินให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ และเมื่อออกจากเครื่องไปแล้ว ให้หนีห่างออกจากเครื่องบินให้ไกลที่สุด วิธีเหล่านี้ คุณได้ศึกษามาแล้วจากการชมการสาธิตของลูกเรือ และจากเอกสารคู่มือความปลอดภัยในกระเป๋าหน้าที่นั่งนั่น

ที่มา http://www.tourlok.com/

เตรียมเงินไปเที่ยวต่างประเทศ

เงินตราต่างประเทศ และบัตรเครดิต ผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศนั้นต้องเตรียมสกุลเงินของประเทศนั้นๆ เพื่อใช้จ่ายระหว่างการเดินทาง โดยท่านสามารถแลกซื้อเงินสกุลต่างประเทศได้จากธนาคารในกรุงเทพฯ และเคาน์เตอร์แลกเงินของธนาคารที่สนามบินสุวรรณภูมิ

หากต้องเดินทางไปยังประเทศที่ใช้สกุล เงินที่ไม่สามารถหาแลกได้ตามธนาคารในเมืองไทย ท่านสามารถแลกเป็นเงินดอลล่าสหรัฐฯ ( USD ) ไปก็ได้ เนื่องจากเงินดอลล่าสหรัฐฯ เป็นที่นิยมใช้กันแพร่หลายในเกือบทุกประเทศ

สำหรับเงินหยวน ( RMB ) ของจีนนั้นท่านสามารถ สอบถามอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าได้ที่ บริษัท มีทวี ทัวร์ ส่วนสกุลเงินไทย ( บาท )ท่านสามารถ ติดตัวไปต่างประเทศได้ไม่เกิน ท่าน ละ 50,000 บาท การพกบัตรเครดิตติดตัวไป เพื่อใช้จ่ายในต่างประเทศเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ ได้ทั้งความสะดวกและปลอดภัย



ที่มา http://www.meetawee.com/

น่ารู้ก่อนเดินทางเที่ยวต่างประเทศ

การจะเดินทางไปต่างประเทศแต่ละทีมี เรื่องให้ต้องเตรียมตัวมากมาย แต่เรื่องเอกสารต่างๆ ก็เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างหนึ่ง คุณอาจเดินทางโดยเสียเปล่าไม่ได้เข้าประเทศนั้น ดังนั้นวันนี้มีเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อนเดินทางมาให้คุณ

1. หาข้อมูลว่าว่าประเทศที่จะเดินทางไปนั้นมีกฎหมาย ห้ามการนำสิ่งของใดเข้าประเทศ ในบางประเทศ เช่น ประเทศสิงคโปร์และประเทศ มาเลเซีย การนำอาวุธปืน กระสุน วัตถุระเบิด หรือยาเสพติดร้ายแรงเข้าประเทศจะ มีโทษถึงประหารชีวิต สำหรับประเทศญี่ปุ่นมีกฎหมายห้ามนำยาคุมกำเนิดเข้า ประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต

2. ไม่ควรรับฝากสิ่งของจากผู้อื่น เว้นแต่จะได้ตรวจสอบให้แน่ใจด้วยตนเองแล้วว่า สิ่งของนั้นไม่เป็นของที่ผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด อาวุธ หรือสารต้องห้าม เพราะ หากถูกเจ้าหน้าที่ปลายทางตรวจพบจะยากในการแก้ข้อหา

3. ควรจำหรือพกพาหมายเลขโทรศัพท์และที่อยู่ของสถานทูต สถานกงสุลไทยใน ต่างประเทศไว้ตลอดเวลา เพื่อใช้ติดต่อขอความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน

4. หนังสือเดินทางเป็นเอกสารสำคัญมากควรถ่ายสำเนาเก็บไว้อย่างน้อย 1 ชุด และ ในกรณีที่หนังสือเดินทางหายให้แจ้งความต่อตำรวจท้องถิ่นและนำใบแจ้งความมา ติดต่อเจ้าหน้าที่สถานทูต หรือสถานกงสุลไทยที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที เพื่อขอออกเอกสาร การเดินทางแทน กรณีเช่นนี้ หากมีบัตรประจำตัวประชาชนมาแสดงก็จะช่วยให้ออก เอกสารการเดินทางได้เร็วขึ้น

5. ควรหมั่นตรวจสอบอายุของวีซ่า เพราะหากวีซ่าขาดอายุท่านอาจถูกปรับ จำคุก และ/หรือส่งตัวกลับประเทศไทยได้

6. ไทยได้ทุกแห่ง แม้ว่าท่านอาจไม่มีหนังสือเดินทาง หรือวีซ่าขาดอายุ หรือเป็นผู้เข้าเมือง โดยผิดกฎหมายก็ตาม เจ็ด ผู้ที่จะเดินทางไปต่างประเทศเป็นระยะเวลานานควรแจ้ง ชื่อ ที่อยู่ ให้สถานทูตหรือ สถานกงสุลไทยประจำประเทศที่ไปอยู่ทราบ รวมทั้งแจ้งการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ทุกครั้ง เพื่อทางสถานทูต สถานกงสุลสามารถติดต่อท่านได้ในยามฉุกเฉิน


ข้อมูล
www.tripperclub.com

มารยาท ในการเดินทางท่องเที่ยว

ในการเดินทางท่องเที่ยวนั้นถึงวัตถุประสงค์จะเป็นการ ปล่อยใจสบายๆ แต่ท่านอาจจะต้องเดินทางท่องเที่ยวไปกับคนอื่นๆ ที่ไม่สนิท หรือไม่รู้จักเลยในกรณีที่ไปทัวร์ ดังนั้น ท่านจึงจำเป็นจะต้องฝึกและเตือนเพื่อฝูงในเรื่องของการรักษามารยาทในการเดิน ทางและอยู่ด้วยกัน


มารยาทในการเดินทางนั้นไม่ได้ทำให้ท่านเครียดหรือเกร็ง หรือหมด ความสนุกแต่อย่างใด หากแต่ช่วยให้เกิดความสนุกมากขึ้น เพราะเป็นการหลีกเลี่ยงการสร้างบรรยากาศที่ลดความสนุก และเป็นการเสริมสร้างมิตรภาพใหม่ๆ ได้อีกด้วย ทำ ให้การเดินทางมีสมรรถภาพขึ้น และทุกคนจะได้ความสุขเต็มที่ โดยไม่มาหงุดหงิดกับเรื่องเล็กๆ ที่ท่านนึกว่าเล็ก แต่สำหรับคนอื่นเขาถือ ดังนี้เป็นต้น

1. การตรงต่อเวลา เรื่องนี้ต้องขอบอกเลย ท่านจะต้องมีนาฬิกาที่ตั้งง่ายดูชัดทั้งกลางวันกลางคืน และก็พยายามสร้างอุปนิสัยให้เป็นคนตรงต่อเวลา และสามารถกะเวลาถูกเมื่อ จะเดินเที่ยวตอนรถหยุดพัก และท่านอย่าลืมบวกเวลาเที่ยวกลับด้วย เช่น ถ้ารถจอดครึ่งชั่วโมงการเดินทางเที่ยวไปและกลับ 15 นาที ก็ไม่เหลือเวลาที่เราจะไปยืนดูในจุดที่ สวยงาม ดังนั้นท่านต้องเผื่อไว้เป็น 3 ส่วน เช่น ถ้าหยุดพัก 30 นาที ก็เดินไป 10 นาที ไปชื่นชมถ่ายรูป 10 นาที แล้วเดินกลับอีก 10 นาที อย่างนี้เป็นต้น

2. การส่งเสียงดัง บางทีการคุยกันธรรมดาในรถเสียงดังหน่อยอาจจะไม่เป็นไป แต่การคุยกันยามดึกๆในห้อง หรือในบางครั้งห้องพักที่ไม่ใช่ผนังตึก คือเป็นเรือนไม้หรือเป็น เรือนแพ เสียงของท่านอาจไปรบกวนห้องข้างเคียงเขานอนไม่หลับ ซึ่งเรื่องนี้สำคัญ บางทีเป็นเสียงลูกเราซึ่งก็ไปร้องรบกวนคนอื่น

เรื่องนี้ต้องคิดว่าเด็กเล็กๆ ควรเอาไปหรือไม่ การส่งเสียงดังต้องระมัดระวังให้มาก พยายามกระซิบกระซาบ แต่ไม่ใช่เป็นการนินทา คุยกันธรรมดาแต่ให้รู้จักกาละเทศะ ท่านก็จะเป็นคนที่น่ารักมากขึ้นทีเดียว

3. การกินเหล้าเมายา เรื่องนี้ดูเหมือนถูกเทศน์และถูกว่าซ้ำซาก แต่ยาต่างๆ โดยเฉพาะเหล้ามันไม่ได้เห็นผลทันที เวลาเสพทีละนิดทีละหน่อยเราไม่รู้สึก แต่ไปถึงขนาดหนึ่ง แล้วอาจจะกลายเป็นเรื่องเสียหาย เช่น นั่งรถไปจิบเหล้าไปตลอดทาง ประเดี๋ยวก็มึนเมา หรือบางคนนึกว่าทำในสิ่งที่ตัวเองปกติไม่เคยทำ เช่น ไปสูบกัญชาหรือสูบบุหรี่เพื่อจะ ปล่อยตัวปล่อยใจ

เรื่องนี้ต้องดูว่ารบกวนชาวบ้านหรือไม่ บางครั้งไม่สนุกเลยเพราะยาบางอย่างผิดกฎหมาย ก็จะทำให้ถูกจับทั้งรถ หรือทั้งที่พัก ซึ่งเรื่องนี้อาจจะมีปัญหาหาทาง กฎหมาย หรืออย่างน้อยก็ทำให้เสียเวลาเที่ยวไม่สนุกไปอักโขทีเดียว

4. การเล่นการพนัน การเอาไพ่ไปด้วยและเล่นไพ่ที่พอทำเนา และไม่รบกวนผู้อื่นอาจจะพอได้ เพราะเรื่องนี้ห้ามกันไม่ไหว แต่ที่จริงพยายามหลีกเลี่ยงการเล่นการพนันกับคน แปลกหน้าจะดีที่สุดเพราะเป็นสาเหตุของการทะเลาะวิวาทและบรรยากาศร้ายๆ หลายอย่างทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ และในที่สุดแล้วอาจจะนำมาสู่การขึ้นโรงพัก หรือการที่มีปัญหา อีกหลายๆ อย่างตามมา

รวมทั้งเรื่องเงินๆ ทองๆ ไพ่มีได้แต่ขอให้เล่นในที่เปิดเผย และอย่าให้เป็นเรื่องที่ติดงอมแงมเล่นกันตลอดเวลา เล่นยังเอาเป็นเอาตาย เขาให้มีเล่น เพื่อแก้เหงา เรื่องนี้ขอให้สร้างความพอดี ถ้าท่านคุมเพื่อนหรือตัวเองไม่ได้อย่าเล่นการพนันจะเป็น การดีที่สุด

5. การชอบเล่าเรื่องสัปดน หรือเรื่องลามกอนาจาร ของบางอย่างคุยกันในหมู่ผู้ชาย ในหมู่เพื่อนฝูงเบาๆ หรือในกลุ่มแคบๆ อาจจะไม่เป็นไร แต่การไปคุยในรถหรือบางทีเอาวี ดิโอลามกไปฉายในรถ นึกว่าทุกคนจะสนุกเหมือนเรา คนอื่นๆ อาจจะไม่สนุกด้วย ซึ่งเห็นอยู่บ่อยๆ ในรถทัวร์ต่างๆ ซึ่งผู้ชายก็เฮกันไป

แต่ผู้หญิงที่ไปด้วยไม่สบายใจ ซึ่งเรื่องนี้ เขาไม่บอก เพราะเขาพยายามรักษามารยาทและบรรยากาศ เรื่องนี้บางทีผู้หญิงก็เป็น แต่ท่านต้องแน่ใจว่าเป็นพวกเดียวกันจริง ที่จริงแล้วมีเรื่องสนุกอีกหลายอย่าง เรื่องตลก โปกฮาลามกอนาจารหลีกเลี่ยงในการเดินทางดีกว่า

6. พวกชอบชวนทะเลาวิวาท พวกนี้โดยปกติก็จะไม่วิวาท แต่มักจะมีสาเหตุอื่น เช่น เล่นการพนันหรือกินเหล้าก็พาลไปถึงการทะเลาะวิวาท ส่วนบางคนอยู่ปกติไม่เป็นไร แต่ไปเที่ยวต่างถิ่นนึกว่าไม่มีใครรู้จักและมีพวกเยอะก็มักจะตั้งตัวไม่เกรง ใจใคร และนำ ไปสู่การทะเลาะวิวาท

โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่เป็นวัยรุ่นหรือวัยคะนอง แต่เรื่องวิวาทนี้บางทีไม่ขึ้นอยู่กับอายุหรือเพศ เมื่อมีปัญหากันอย่านึกว่าพวกมากลากไป พยายามระงับ เหตุการณ์ หรือเลี่ยงไปห่างๆ ก็จะดีไม่น้อย กลุ่มอื่นมักจะนำไปสู่ชนวนทะเลาวิวาทได้ง่าย เรื่องที่สำคัญคือ ถ้าท่านไม่พกอาวุธทุกชนิดไปด้วยก็จะดีมาก อย่าลืมว่าการที่ชนะ การทะเลาะวิวาทคือ การหลีกเลี่ยงการทะเลาะไปแล้ว และมีการวิวาทกันแล้วจะไม่มีผู้ชนะเลย เนื่องจากต้องขึ้นโรงขึ้นศาล หรือขึ้นโรงพัก เป็นต้น

7. การไม่เกรงใจคนอื่นโดยถือวิสาสะ ว่าเขาคงคิดเหมือนเราสนุกเหมือนเรา สุภาพสตรีก็ยังเป็น บางครั้งเรื่องมาก เช่น ขอให้รถหยุดบ่อยๆ เพื่อที่จะขอถ่ายรูปเมื่อวิวสวย หรือขอเข้าห้องน้ำบ่อยๆ ถ้าไม่ใช่เรื่องจำเป็นก็ไม่ควรทำเช่นนั้น นอกสถานที่นัดหมายไม่ควรจะหยุดรถ

เพราะนอกจากอันตราย เสียเวลาแล้ว ยังไม่ยุติธรรมกับคนอื่นๆ ที่เขา เดินทางมาด้วย เรื่องนี้ขอให้ท่านเกรงใจคนอื่นด้วย ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวกลุ่มอื่นไม่เกรงใจเราบ้าง ก็จะมีปัญหา กลายเป็นเรื่องที่เที่ยวไม่สนุก ถ้าหลายวันก็จะยิ่งพอกพูนความอึด อัดกันมากยิ่งขึ้น

8. การทำสกปรก ได้แก่ การทิ้งขยะ การไม่ระวังเสียงหรืออะไรที่ออกจากร่างกาย บางคนผายลม หรือเรอ หรืออ้วก ทำให้บรรยากาศในรถทัวร์หรือในห้องแอร์มีกลิ่น หรือ บรรยากาศไม่พึงประสงค์ บางครั้งชอบทิ้งขยะ ไม่หาที่ใส่ที่เป็นที่ปกปิด ซึ่งเรื่องนี้เตรียมไปก่อนได้

ถุงเล็กและถุงขนาดกลางที่เตรียมใส่กระเป๋าไปจะช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนี้ มากทีเดียว สำหรับที่ไปต่างประเทศบางแห่งอาจจะถูกปรับถ้าเผื่อท่านทิ้งของออกมานอกรถ ซึ่งเรื่องการทำสกปรกจะอ้างว่าเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด หรือเป็นเรื่องสุดวิสัยไม่ได้ ท่านจะต้องคิดล่วงหน้าเสมอ แต่ไม่จำเป็นต้องเครียดแต่อย่างใด

9. การเอาเปรียบผู้อื่น การเอาเปรียบเพื่อนร่วมทางเราอาจจะไม่ทันคิด หรือไม่นึกว่าคนอื่นเขาจะคิดอย่างนั้น เช่น การแย่งที่พักหรือสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเกินหน้าเกินตา เช่น มีโควต้าเรื่องหมอน เรื่องจานอาหารให้คนละจานหรือคนละหมอนก็ไปจองไว้ให้ตัวเองและเพื่อน จับจองกันอย่างกับผูกขาด บางคนจองที่นั่งสำหรับดูการแสดง ไปกัน 7-8 คน และมาช้ากันหมด มีคนหนึ่งไปจองที่นั่งไว้เป็นแพ เรื่องแบบนี้ดูเป็นธรรมดา แต่เป็นมารยาทที่น่าเกลียดที่สุด ไม่มีใครอยากคบ

การใช้โทรศัพท์มือถือในที่ไม่บังควร การ สูบบุหรี่ การที่ถือตัวเองว่าเป็นเด็กหรือผู้หญิง หรือคนแก่ บางครั้งถ้าเผื่อไม่พร้อมที่จะสู้และไม่ดีกว่าคนอื่นก็ไม่ควรไป ไม่ใช่ว่าเห็นเป็นผู้หญิงหรือเป็นเด็ก ก็จะเอาสิทธิ์ตามใจ ตัวไปตลอด เช่น สิทธิ์ในการนั่งข้างหน้า สิทธิ์ในการที่จะให้คนอื่นเขารอนานๆ การผูกขาดห้องน้ำ เช่น เวลาค้างห้องคู่และไม่ได้เป็นคนสนิทกัน บางครั้งเข้าห้องน้ำนานคนที่ เหลือก็จะรอ และลงมารับประทานอาหารหรือขึ้นรถไม่ทัน เรื่องนี้ต้องระวังให้มากๆ ทีเดียว บางครั้งแค่ผูกขาดวิวดีๆ ยืนถ่ายรูป ไม่ให้คนอื่นเขาเข้าไปถ่ายบ้างในเวลาที่รถ จอดสั้นๆ เรื่องนี้ก็ถือว่าเอาเปรียบเพื่อนร่วมทางแล้ว

10. การมีมารยาทอย่างไทยๆ เรื่องนี้เป็นเกราะคุ้มครองการเดินทางท่องเที่ยวอย่างมีความสุข และเป็นแนวทางประจำกายประจำใจได้ เช่น การทักทาย การเคารพผู้อาวุโส การไหว้ การพูดแสดงความเอื้ออาทร แต่ไม่ถึงกับพูดมากซักถามในเรื่องส่วนตัวของเขา ทักทายกันวันละหนตอนเช้า หรือการให้กำลังใจกันเวลาที่เพื่อนร่วมทางเดือดร้อน เช่น ของหาย หรือไม่สบาย เป็นเรื่องที่ควรแสดงความมีมารยาทอย่างไทย

เพราะ เป็นเสน่ห์ประจำกายและเป็นการรักษาบรรยากาศที่ดี การเอื้ออาทรต่อเด็กผู้หญิง ผู้ด้อยโอกาส หรือผู้สูงอายุ ซึ่งอาจจะบังเอิญติดตามญาติมาด้วยในการเดินทาง ก็ต้องใช้ความเมตตากรุณาไว้ก่อนอย่าเอาไปบ่นในใจ ว่าอ่อนแอเช่นนี้แล้วมาทำไม ถ้าท่านคิดว่าไม่อยากถูก เอาเปรียบเกินไป ท่านควรเอื้ออาทร ด้วยมารยาทแบบไทยๆ ท่านจะฝึกความเป็นผู้นำไม่ใช่แต่เฉพาะเวลาท่องเที่ยว แต่ท่านจะมีเสน่ห์ขึ้นทุกทีและกลายเป็นบุคคลิกส่วนหนึ่ง ที่ติดตัวต่อไปในที่ทำงาน ในครอบครัว ในอนาคต และในสังคมชั้นสูงที่ท่านจะไต่เต้าขึ้นไปอีกด้วย


ข้อมูล
จากบทความของ อ.ไกรฤทธิ์ บุญยเกียรติ นิตยสารทราเวล แอนด์ สปอร์ต ประจำเดือนมกราคม 2546


เคล็ดลับก่อนจะเช่ารถ

ในการท่องเที่ยวนั้น บางครั้งคุณอาจต้องเช่ารถเมื่อเดินทางไปถึงจุดหมาย แต่อย่าทำให้ตัวเองตกที่นั่งลำบากด้วยข้อตกลงที่ไม่เหมาะสม คำแนะนำมีดังนี้


จองรถล่วงหน้า ไม่เช่นนั้นคุณอาจต้องรอนาน บริษัทรถเช่าส่วนใหญ่จะบังคับให้คุณรูดบัตรเครดิตไว้เป็นมัดจำสำหรับค่าเช่า และค่าประกันกรณีรถหายหรือเสียหาย

รถเช่าดีพอหรือไม่ รถมีเข็มขัดนิรภัยครบ ตามกฎหรือไม่ มีเครื่องปรับอากาศไหม ให้ตรวจมาตรวัดน้ำมันด้วย มิฉะนั้นคุณอาจต้องจ่ายค่าน้ำมันเต็มถัง



อย่ายอมเช่ารถบุโรทั่ง คุณต้องลองเปิดไฟรถและใบปัดน้ำฝน รวมทั้งตรวจสภาพยางรถยนต์ก่อน นอกจากนี้ควรบันทึกรอยแตก รอยขูดขีด หรือรอยบุบทั้งหลาย อย่ายอมจ่ายค่าความเสียหายที่คนอื่นทำไว้

ตรวจการประกันภัยของรถ กฎการใช้รถใช้ถนนในแต่ละประเทศนั้นแตกต่างกัน และคุณก็คงต้องการความคุ้มครองที่ดี คุณควรอ่านเงื่อนไขเกี่ยวกับค่าความรับผิดชอบจากความเสียหายส่วนแรกใน กรมธรรม์เสียก่อน และที่สำคัญ คุณต้องรู้ว่ากรมธรรม์นั้นอนุญาตให้ใครขับรถบ้าง


ข้อมูล
http://www.readersdigest.co.th

การเตรียมตัวก่อนไปล่องแก่ง

ก่อนจะไปล่องแก่งควรเตรียมตัวสำหรับ การเดินทางให้เหมาะสมเพื่อให้ได้รับความสนุกสนาน ความปลอดภัย โดยมีส่งผล กระทบกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดังต่อไปนี้

พื้นที่ที่จะเดินทางไปส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตป่าต้นน้ำที่ธรรมชาติมีความเปราะ บาง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะ ต้องติดต่อขออนุญาตเดินทางเข้าไปในพื้นที่ต่าง ๆ ให้ถูกต้อง เช่น การ ขออนุญาตต่อกรมป่าไม้ หน่วย งานที่ดูแลพื้นที่เหล่านั้นด้วย

การล่องแก่งเป็นกิจกรรมประเภทท่องเที่ยวธรรมชาติกึ่งการผจญภัย จำเป็นที่จะต้องใช้ความระมัด ระวังอย่างยิ่งในการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ โดยเลือกใช้บริการที่มีการจด ทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวแล้วเรียบร้อย และตรวจสอบรายการท่องเที่ยว และข้อตกลงต่าง ๆ ให้เรียบร้อย เช่น การประกันภัย เครื่องมือ อุปกรณ์ที่มีการให้บริการ

การเตรียมตัวท่องเที่ยวทางน้ำ ควรเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสม เช่น กางเกงขาสั้น และเสื้อผ้า ควรใช้ผ้าที่ แห้งง่าย รองเท้าแตะที่มีสายรัดจะดีมาก เพราะต้องเตรียมพร้อมที่จะ เปียกน้ำ และขึ้นไปเดินบนฝั่ง หากมีการเดินป่าระยะทางไกล ก็จำเป็นต้องนำรองเท้าผ้าใบไปอีกคู่หนึ่ง ในช่วงฤดูหนาวควรมีเสื้อแจ๊กเกต ผ้ากันลมไว้ใส่กันหนาวช่วงที่ล่อง แก่งด้วย

เสื้อผ้า อุปกรณ์สำหรับแค้มปิ้ง และกล้องถ่ายภาพ และของใช้ต่าง ๆ ควรใส่ถุงพลาสติค หรือถุงกันเปียก ให้เรียบร้อย การเตรียมสัมภาระต่าง ๆนำไปเฉพาะที่จำเป็นจริง ๆ เพราะพื้นที่ขนสัมภาระจำกัด

ในการล่องแก่งควรศึกษาข้อปฏิบัติการพายเรือ พยายามมีส่วนร่วมในการเดินทางอย่างดี ควรปฏิบัติตัว ตามคำแนะนำของกัปตันเรือ และมัคคุเทศก์

หากมีการรับประทานอาหาร หรือไปประกอบอาหารในป่า ควรเลือกรายการอาหารที่สะดวกง่ายและ หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องกระป๋อง ภาชนะประเภทกล่องโฟม ขวดน้ำ พลาสติ คที่ใช้ครั้งเดียว เพื่อลดขยะ และมลพิษ ทุกครั้งที่เก็บแคมป์ ควรดูแลความสะอาด พยายามให้พื้นที่กลับสู่สภาพเดิมให้มากที่สุด


ข้อมูล
http://www.tongtiew.com/

จะไปเที่ยวป่าต้องเตรียมตัวอย่างไร

ป่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่อง เที่ยวนิยมมากเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่า ชมน้ำตก ปีนเขา ชมนกและอื่นๆ อีกมากมาย แต่ก่อนที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวศึกษาธรรมชาติในป่านั้น ต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อม ดังนี้


การเตรียมตัว


1. สถานที่ ต้องหาข้อมูลของสถานที่นั้นให้มากที่สุด ทั้งนี้เพื่อจะได้จัดเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม เพราะแต่ละ สถานที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่แตกต่างกัน

2. การแต่งกาย การแต่งกายควรเป็นชุดที่ใส่สบาย คล่องตัว และใช้โทนสีที่กลมกลืนกับธรรมชาติ เช่น สีเขียว หรือ น้ำตาล หมวก นับว่ามีประโยชน์มากในการเดินป่า หมวกที่เลือกใช้จะเป็นหมวกปีกหรือหมวกแก็บก็ได้ เสื้อและกางเกง ควรใส่เสื้อแขนยาว เพื่อป้องกันแมลง หนามและแสงแดด เนื้อผ้าควรเป็นชนิดที่ซับน้ำ ได้ดี เพื่อจะได้ดูดซับเหงื่อช่วยระบายความร้อน กางเกงควรเป็นกางเกงที่สวมสบาย เสื้อผ้าควรแบ่งออกเป็น 2 ชุด คือ ชุดเดินป่า 1 ชุด และชุดนอน 1 ชุด นอกจากนั้นควรมีเสื้อแจ็กเก็ตอีก 1 ตัว และถุงเท้า เพราะในเวลากลางคืนในป่าจะมีอากาศเย็น รองเท้า เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ควรเป็นรองเท้าเดินป่าหุ้มส้นที่แข็งแรงและสวมใส่พอดี

3. อุปกรณ์เดินป่า เป้หลัง ควรเลือกชนิดที่เบา มีขนาดกะทัดรัดคล่องตัว เต็นท์ ถุงนอน เปลสนาม ไฟฉาย เสื้อ กันฝน มีดพก กระติกน้ำ หม้อสนาม ชุดยาสามัญ เชือก สมุดบันทึก ถุงพลาสติก ฯลฯ

4. การเดินป่า ก่อนออกเดินป่าควรสำรวจความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้พร้อม ดื่มน้ำให้อิ่ม และเติมกระติกน้ำให้เต็ม ศึกษาจุดเริ่มต้นและจุดหมายปลายทางให้เข้าใจ

การเดินป่ามีหลัก ดังนี้

1. เดินอย่างออมกำลัง
2. ฝึกสายตาให้คุ้นเคยกับสภาพป่า
3. ระหว่างที่เดินไม่ควรส่งเสียงดังจนเกินไป
4. พยายามเดินตามทางเดินเท้า
5. พยายามปกปิดทุกส่วนของร่างกายให้มิดชิด
6. เดินแถวเรียงเดี่ยว ควรทิ้งระยะห่างกันพอสมควร แต่ต้องให้อยู่ในสายตาของกลุ่มตลอด
7. เดินทางด้วยความเร็วสม่ำเสมอ พักทุก ๆ ชั่วโมง ครั้งละประมาณ 5-10 นาที
8. ไม่ควรแยกเดินไปคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน ต้องมีเพื่อนไปด้วยทุกครั้ง


ที่มา : บ้านคนรักป่า

การเตรียมตัวไปดูนกในธรรมชาติ

ก่อนออกเดินทางไปดูนกในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเข้าไปดูนกในอุทยานแห่งชาติ เชตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ พื้นที่อนุรักษ์ หรือ แหล่งดูนก (birding spot) อื่นใด นักดูนกทุกคนควรจะต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้ เพื่อให้การเดินทางไปดูนกในธรรมชาติได้รับประโยชน์สูงสุด


1. ศึกษาและหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่เราจะไปดูนกให้มากที่สุดเท่าที่จะมาก ได้ เช่น เส้นทางที่ใช้เดินทางไปยังสถานที่ดูนก เส้นทางภายในสถานที่ดูนก เส้นทางที่ใช้ในการดูนก (trail) พืชพรรณธรรมชาติ และลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ลักษณะของที่พัก ซึ่งอาจเป็นบ้านพัก หรือ ต้องกางเต็นท์ รวมทั้งการขออนุญาตเข้าไปใช้พื้นที่อนุรักษ์ หรือ บ้านพักด้วย

2. ศึกษาชนิดของนกที่อาจพบในสถานที่ที่จะไปดูนก โดยติดต่อขอรายชื่อนกที่สำรวจพบในพื้นที่นั้นๆ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือ โดยดูจากหนังสือคู่มือดูนก ซึ่งมีแผนที่เล็กๆ แสดงการแพร่กระจายของนกชนิดต่างๆ ในประเทศไทยไว้แล้ว

3. จัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นในการดูนกภาคสนามให้พร้อม ได้แก่ กล้องสองตา คู่มือดูนก สมุดบันทึก ปากกา หรือ ดินสอ ควรตรวจสภาพกล้องสองตาให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทางทุกครั้ง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในขณะส่องกล้องดูนก


4. จัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นในการเดินทางไปดูนกในธรรมชาติ เช่น หมวก กระติกน้ำ เต็นท์ ช้อน ถ้วย จาน แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ ยาสระผม ผ้าเช็ดตัว ยารักษาโรค ยากันยุง และอุปกรณ์ส่วนตัวอื่นๆ ถ้าหากเดินทางไปดูนกในช่วงฤดูฝน ควรเตรียมร่ม เสื้อกันฝน และถุงพลาสติกเพื่อใช้ใส่กล้องสองตาไปด้วย

5. แต่งกายหรือจัดเตรียมเสื้อผ้า ซึ่งมีสีสันกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม เช่น เขียว น้ำเงิน น้ำตาล เทา หรือ ดำ ไม่ควรใส่เสื้อผ้าหรือสวมหมวกสีขาว แดง แสด ส้ม ชมพู เหลือง หรือ สีสดใสอื่นๆ ซึ่งถือว่าเป็นสีเตือนภัย(warning colour) เพราะนกสามารถมองเห็นได้ชัดเจนแต่ไกล และอาจบินหนีไปก่อนที่เราจะได้เห็นตัว

6. ดูแลสุขภาพให้สมบูรณ์ก่อนออกเดินทางไปดูนกในธรรมชาติ เพราะในสถานที่ดูนก อากาศอาจหนาวเย็น และการเดินทางไปดูนกอาจต้องเดินทางไกล หรือ แบกสัมภาระมากมาย ถ้าหากร่างกายไม่แข็งแรง อาจเป็นไข้ได้ง่าย และเป็นอุปสรรคต่อคนอื่น


7. ในกรณีที่เดินทางไปดูนกเป็นกลุ่ม ถ้าหากสมาชิกในกลุ่มยังไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ควรจะทำความรู้จักและทำความคุ้นเคยกันไว้ก่อน เพื่อให้การดูนกของกลุ่มเป็นไปด้วยความราบรื่น

เตรียมตัวดูนก

เนื่อง จากเราจำเป็นต้องออกเดินทางไปดูนกตามที่ต่างๆ อยู่บ่อยๆ การจัดเตรียมสิ่งของต่างๆ ก็มีความสำคัญ แต่ว่ารูปแบบการเก็บของลงกระเป๋าแต่ละคนคงจะไม่เหมือนกัน แต่เราจะมาบอกของที่จำเป็นและไม่ควรลืมเมื่อต้องจัดกระเป๋าเพื่อไปเที่ยวดู นก

เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย สำหรับการดูนกเสื้อผ้าก็มีส่วนสำคัญ เนื่องจากนกเป็นสัตว์ที่มีสายตาดี บางตัวก็มีความระมัดระวังและระแวงสูง

ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องเลือกเสื้อผ้าที่จะทำไม่ให้เป็นเราเป็นจุดเด่นเกิน ไปจนทำให้นกรู้สึกไม่ปลอดภัย นอกจากนั้นเสื้อผ้ายังจะเป็นสิ่งที่ป้องกันเราจากสิ่งต่างๆ เช่นแมลง หนามไม้ สัตว์มีพิษ ความร้อน แสงแดด ฯลฯ ซึ่งมักพบทั่วไปในสถานที่ดูนกต่างๆ

ดังนั้นเราจึงควรเลือกเสื้อผ้าที่มีสีกลมกลืนกับธรรมชาติ เช่น เมื่อเราไปดูนกตามป่า ก็ควรสวมใส่เสื้อผ้า สีเขียว สีน้ำเงิน หรือสีดำ ส่วนเสื้อผ้าสีอ่อนๆ เหมาะในการดูนกตามชายฝั่งทะเล เป็นต้น

เสื้อก็ควรเป็นเสื้อแขนยาว กางเกงก็ควรเป็นกางเกงขายาว เพราะนอกจากจะพรางตัวเราได้ดีกว่าเสื้อแขนสั้นและกางเกงขาสั้นแล้ว ยังป้องกันเราจากแมลงและสัตว์มีพิษต่างๆ และยังป้องกันแสงแดดความร้อนได้อีกด้วย

หมวก ก็เป็นสิ่งที่สามารถช่วยเราพรางตัวได้ เพราะหน้าผากและผมเป็นจุดเด่นที่สังเกตได้ง่าย นอกจากนั้นหมวกยังช่วยป้องกันความร้อน และสัตว์พวกแมลงที่บินได้อีกด้วย หมวกมีให้เลือกหลายแบบ แล้วแต่ความพอใจของแต่ละคน

รองเท้า ก็ควรจะสวมใส่สบาย พื้นรองเท้าควรจะยึดเกาะพื้นได้ดี โดยเฉพาะเมื่อเราต้องไปดูนกในป่า หรือตามลำธารเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ นอกจากนี้การไปดูนกบางแห่งก็จำเป็นต้องมีเครื่องแต่งกายเพิ่มเติม

เช่น ถุงกันทาก ซึ่งจะช่วยเราป้องกันทากดูดเลือดที่มักจะพบทั่วไปตามป่าในบ้านเรา หรือเมื่อถึงฤดูหนาว เสื้อกันหนาวก็เป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งก็ควรมีสีสันกลมกลืนกับธรรมชาติเช่นเดียวกัน ส่วนแว่นกันแดด ก็ใช้ได้ดีเมื่อต้องดูนกกลางแดดจัดๆ อย่างเช่น การดูนกชายเลน เป็นต้น

กระเป๋าเล็กๆ สักใบ เนื่องจากการดูนกเป็นกิจกรรมที่ต้องออกไปอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานๆ บางทีก็ตั้งแต่เช้ามืด กว่าจะกลับที่พักก็ค่ำ เราจึงควรมีกระเป๋าเล็กสักใบสำหรับใส่ของใช้ต่างๆ ที่จำเป็นระหว่างที่ออกไปดูนก โดยเฉพาะถ้าเป็นเป้เล็กๆ หรือที่เค้าเรียกว่า Daypack จะเหมาะมาก

ส่วนของที่เราน่าจะมีในเป้ใบนี้ได้แก่

เสื้อกันฝน หรือร่ม ควรจะมีติดไว้ เสื้อกันฝนมีหลายแบบ ทั้งแบบตัดเป็นตัวคล้ายกับเสื้อที่เราสวมใส่กัน หรือจะเป็นแบบค้างคาว ซึ่งเป็นผ้าสี่เหลี่ยมพับครึ่งและช่องให้ศรีษะรอดออกมา

ซึ่งบางทีก็เรียกว่า ผ้าปันโจ และยังมีเสื้อกันฝนแบบชั่วคราวที่ทำจากพลาสติกใสๆ เสื้อกันฝนแบบปันโจ ค่อนข้างจะเหมาะกับการดูนกมากกว่า เพราะมีขนาดเล็กและเบากว่าเสื้อกันฝนแบบเป็นตัว และยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อีกหลายอย่าง เป็นฟลายชีตก็ได้

โดยเฉพาะเมื่อเราต้องสะพายเป้ เสื้อกันฝนแบบนี้ก็จะคลุมเป้ของเราด้วย ข้อเสียคือเมื่อใส่แล้วจะร้อน เนื่องจากทำจากผ้าใบที่ทึบ อากาศจึงไม่ถ่ายเท ส่วนเสื้อกันฝนแบบชั่วคราวก็เหมาะกับการดูนกในช่วงที่ไม่ใช่ฤดูฝน เพราะมีน้ำหนักเบาที่สุด แต่ไม่ค่อยทนทาน

เมื่อเราเดินเข้าไปในป่าที่ทึบสักหน่อย มักโดนกิ่งไม้เกี่ยวขาดเสมอ ส่วนร่ม อุปกรณ์กันฝนที่เราคุ้นเคยกันดีนั้น ก็สามารถใช้ได้ดี ไม่ร้อนเหมือนเสื้อกันฝน และยังสามารถใช้ประโยชน์ในการบังแดดอีกด้วย

มีด เหมือนเครื่องมือสารพัดประโยชน์ ถ้าเป็นไปได้ควรมีมีดพกหรือมีดเดินป่าขนาดกลางๆ สักเล่ม เพราะมีดสามารถช่วยเราได้หลายๆ อย่าง นอกจากประโยชน์ที่เราคุ้นเคยแล้ว มีดยังสามารถเป็นอาวุธป้องกันตัวได้ด้วย

ของกิน ทั้งของกินหลักอย่างข้าวกลางวัน และของกินเล่น พวกขนมต่างๆ และควรจะมีขวดน้ำสักใบ ขนาดตามแต่ละคน นอกจากนั้นควรมีถุงพลาสติกสัก 2-3 ใบเอาไว้ใส่ขยะเหล่านี้ และยังเอาไว้ใส่ของต่างๆ เวลาฝนตกได้อีกด้วย

ยา สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่าลืม แต่ถึงจะไม่มี แต่ควรจะพก พลาสเตอร์ยา ยาหม่อง ยาแก้ปวด ยาดม ไปก็ดี เพราะมีโอกาสใช้อยู่ตลอดเวลา

นอกนั้นก็เป็นอุปกรณ์ดูนก กล้องส่องทางไกล คู่มือดูนก และน่าจะมีสมุดบันทึกเล่มเล็กๆ ปากกาดินสอเอาไว้จดบันทึกเวลาเจอนกที่ไม่แน่ใจ ก็สามารถบันทึกรูปร่างสีสัน พฤติกรรม เพื่อมาหาข้อมูลเปรียบเทียบภายหลังได้ และยังเอาไว้จดจุดที่พบนกแปลกๆ รายละเอียดสถานที่ รวมทั้งผู้คนที่พบเจอ เพื่อนำมาบอกเล่าอธิบายแก่ผู้อื่นต่อไป


ขอบคุณข้อมูล
http://www.geocities.com/seebird_th/

การเตรียมตัวท่องเที่ยวสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

การเตรียมตัวท่องเที่ยวสำหรับผู้ป่วย เบาหวาน ท่านที่เป็นเบาหวานคงกังวลเป็นอย่างมากเวลาจะเดินทางไปต่างประเทศ หรือท่องเที่ยวเป็นเวลานานๆ จะช็อกหรือเปล่า น้ำตาลจะต่ำหรือจะสูง และจะเตรียมตัวอย่างไร หลังจากที่ท่านได้อ่านบทความนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะมีความสุขกับการ ท่องเที่ยว การเตรียมตัวขึ้นอยู่กับว่าไปนานแค่ไหน อาหารที่จะรับประทาน และมีกิจกรรมมากน้อยแค่ไหน เอาละไปเที่ยวด้วยกันดีกว่า

เตรียมตัวก่อนท่องเที่ยว

ต้องตรวจร่างกายโดยละเอียดเพื่อตรวจว่ามีโรคแทรกซ้อนหรือยัง และหากมีโรคแทรกซ้อนเป็นข้อห้ามในการเดินทางหรือไม่ เช่น โรคหัวใจ โรคไต

ต้องตรวจว่าควบคุมเบาหวานดีหรือไม่

ต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดต่อหรือไม่ หากต้องฉีดต้องฉีดก่อนเดินทางอย่างน้อย 1 เดือน

จะ ต้องมีเอกสารจากแพทย์ 2 ฉบับ ฉบับแรกเป็นรายงานประวัติผู้ป่วยว่าเป็นโรคอะไร แพ้ยาอะไร ได้ยาอะไร อุปกรณ์ที่ใช้มีอะไรบ้าง ฉบับที่สองเป็นใบสั่งยาของแพทย์ที่สั่งยา เข้ม เป็นต้น

เตรียมหาเบอร์โทรศัพท์ที่อยู่ใกล้ที่เที่ยว

เตรียมแผ่นบัตรประจำตัว ว่าเป็นเบาหวานและได้รับยาอะไรอยู่

อย่าลืมฝึกพูดเป็นภาษาประเทศที่จะไปว่า ผมเป็นเบาหวาน ขอน้ำส้ม ขอน้ำหวาน

เตรียมสัมภาระก่อนเดินทาง

สำคัญ ที่สุดต้องจัดสัมภาระเป็นสองชุด อยู่กับกระเป๋าเดินทาง 1 ชุด อยู่กับกระเป๋าติดกับผู้ป่วยอีกหนึ่งชุด ไม่ว่าจะไปที่ไหนต้องพกกระเป๋านี้ติดตัวเสมอ สำหับสัมภาระที่ต้อง นำติดตัวมีดังนี้

ยาเม็ดลดน้ำตาล หรืออินซูลิน พร้อมทั้งเข็มฉีด

เครื่องตรวจน้ำตาลในเลือดพร้อมแบตเตอรี่สำรอง หรือแทบตรวจหาน้ำตาลในปัสสาวะ

บัตรแสดงตัวว่าเป็นเบาหวาน

อาหารว่าง หรือลูกอม หรือน้ำผลไม้สำหรับรักษาภาวะน้ำตาลต่ำ


ข้อมูลจาก : Siamhealth.net

ทำอย่างไรเมื่อเมาเครื่องบิน

ลักษณะของอาการเมาเครื่องบิน
อาการ เมาเครื่องบินนี้มีสาเหตุมาจาก ร่างกายสับสนระหว่างความรู้สึกด้านการมองเห็น และความรู้สึกด้านสภาพคงที่ หากตกอยู่ในสภาพอากาศที่แปรปรวนยิ่งช่วยเพิ่มอาการดังกล่าวเข้าไปอีก เพราะทำให้ของเหลวในชิ้นส่วนต่างๆ ของห้องหูชั้นใน เกิดการเคลื่อนตัวมากเป็นพิเศษ หากคุณเพ่งมองที่จุดใดจุดหนึ่งบนวัตถุที่ไม่เคลื่อนไหว อาจจะช่วยให้อาการเมาเครื่องบิน ทุเลาลงได้

ข้อแนะนำเมื่อเกิ้ดอาการเมาเครื่องบิน

• เมื่อสภาพอากาศปลอดโปร่งและคุณควรมองไปยังพื้นดิน น้ำทะเลหรือเส้นขอบฟ้า เอาไว้ จะช่วยให้ความรู้สึกเมาเครื่องบินน้อยลง
• คุณสามารถหาซื้อยาที่ช่วยลดอาการเมาเครื่องบินได้ตามร้านขายยาทั่วไป แต่เราขอแนะนำให้คุณปรึกษาแพทย์สักนิดเพื่อขอรับยาที่เหมาะสม
• หรือหากคุณไม่ได้เตรียมยาแก้เมามาด้วย ลองสอบถามจากพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน แต่คุณควรจะรับประทานยาก่อนเครื่องขึ้นอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงครับ


ขอบคุณข้อมูล
http://imageholiday.com

วิธีนวดเท้าง่ายๆด้วยตนเอง (ช่วยได้.. เวลานั่งเครื่องนาน)

วิธีนวดฝ่าเท้าด้วยตัวเอง

กดจุดและนวดเท้า : สร้างพลังให้ร่างกาย


จุด ต่างๆ ของเท้ารวมทั้งจุดศูนย์กลางใต้ฝ่าเท้ามีความสัมพันธ์กับหัวใจ ไต และอวัยวะสำคัญต่างๆ ภายในร่างกาย เมื่อรู้สึกมีอาการอ่อนเพลียทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าได้กดจุดและนวดที่เท้าจะรู้สึกสบายขึ้นทันที เพราะนอกจากจะสามารถขจัดอาการอ่อนเพลียแล้วยังช่วยให้อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ทำให้หัวใจและไตแข็งแรง มีการขับถ่ายตามปกติ ลดการเกิดริดสีดวงทวาร ช่วยให้มีสมรรถภาพทางเพศดีขึ้น ฯลฯ

ภาพแสดงความสัมพันธ์ของจุดใต้ฝ่าเท้ากับอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย


การกดจุดและนวดเท้า ควรให้ผู้ถูกนวดนอนคว่ำหรือนอนหงาย การบีบนวดเท้าควรทำอย่างแรง เพื่อช่วยให้ความคล่องแคล่วและความยืดหยุ่นในการเคลื่อนไหวกลับคืนมา ช่วยให้การหมุนเวียนของเลือดดีขึ้น

วิธีการนวดเท้ามีดังนี้


ล้าง เท้าให้สะอาดและเช็ดให้แห้ง ทาโลชั่นเพื่อให้ความชุ่มชื้น และเพื่อช่วยให้การนวดไม่ติดขัด โดยระหว่างการทาโลชั่นให้คุณกดน้ำหนักลงไปให้ทั่วบริเวณเท้าด้วย (กรณีอยู่บนเครื่องอาจจะแค่ทาโลชั่นเพิ่มความชุ่มชื้น)

แยกเท้า ใช้มือทั้งสองข้างจับเท้าโดยให้ปลายนิ้วมืออยู่ตรงข้ามกับนิ้วเท้า กดนิ้วหัวแม่มือและฝ่ามือทั้งสองข้างบนฝ่าเท้า ยกมือทั้งสองออกจากกัน
นวด ระหว่างกระดูกนิ้วเท้า ใช้มือข้างหนึ่งจับฝ่าเท้าโดยให้นิ้วเท้าชี้ขึ้น ใช้นิ้วหัวแม่มืออีกข้างกดระหว่างกระดูกนิ้วเท้าบริเวณหลังเท้า โดยเริ่มจากบริเวณข้อเท้าเลื่อนไปจนถึงนิ้วเท้า

กดฝ่าเท้า โดยใช้มือข้างหนึ่งจับเท้าไว้ ใช้นิ้วหัวแม่มือกดฝ่าเท้าเป็นวงกลม เริ่มจากบริเวณใกล้นิ้วเท้าไปจนถึงส้นเท้า

ดึงนิ้วเท้า โดยใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ดึงนิ้วเท้าแต่ละนิ้วแรงๆ

ลูบเท้า โดยเอามือประคองเท้าให้ปลายนิ้วมืออยู่ตรงข้ามกับนิ้วเท้า ดึงเข้าหาตัวอย่างช้าๆ จนปลายนิ้วออกจากอุ้งมือ

ผู้รู้บอกว่าช่วงแรกคุณอาจไม่ค่อยคล่องนัก แต่ถ้าฝึกไปเรื่อย ๆ จะรู้เองว่าควรกดน้ำหนักแค่ไหนตรงจุดไหน วิธีการนวดแบบนี้คุณสามารถจะนวดได้บ่อยเท่าที่ต้องการเลยค่ะ นอกจากจะช่วยผ่อนคลายอาการเมื่อยที่เกิดจากการใช้งานเท้าที่มากเกินไปแล้ว ยังช่วยให้เลือดลมคุณดีขึ้นอีกด้วย


ที่มา : วิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทย. คู่มือการดูแลสุขภาพ ฉบับฉลองครบรอบ ๘๔ ปี วิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทย. กรุงเทพฯ : บ.สำนักพิมพ์สุภา จำกัด.

การนำของเหลวขึ้นเครื่องบิน ต้องทำอย่างไร

การกำหนดกฏเกณฑ์และมาตรการจำกัดการนำของเหลวขึ้นเครื่องบิน ของสายการบิน ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2550 ทางการบินไทยสายการบินแห่งชาติ ทุกเที่ยวบิน ทั้งภายในและต่างประเทศจะเริ่มใช้มาตรการจำกัดการนำ ของเหลวขึ้นเครื่องบิน โดยก่อนหน้านี้ได้มีสายการบินชั้นนำบางสายการบินได้ประกาศใช้กฏนี้ไปบ้าง แล้ว และในอนาคตทุกสายการบินก็จะเริ่มทยอยใช้กฏข้อบังคับนี้โดยทั่วกัน ดังนั้นลูกค้าของไทยฟลาย ทราเวล จำกัดและผู้โดยสารทุกท่าน ที่จะเตรียมตัวเดินทาง โปรดตรวจสอบและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์นี้ไว้ล่วงหน้า จะทำให้ลดขั้นตอนและไม่มีข้อติดขัด ณ วันเดินทางค่ะ

รายละเอียดมีดังนี้
1. ของเหลว เจลและสเปรย์ ทุกชนิด ต้องบรรจุในภาชนะที่มีขนาดความจุไม่เกิน 100 มิลลิลิตร สำหรับภาชนะที่เกิน 100 มิลลิลิตร แม้จะบรรจุของเหลว เจล และสเปรย์ เพียงเล็กน้อยก็ไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้

2. ภาชนะทั้งหมดต้องใส่รวมไว้ในถุงพลาสติกใสซึ่งเปิด - ปิดผนึกได้ โดยถุงพาสติกใสต้องมีขนาดไม่เกิน 1 ลิตร

3. ผู้โดยสารสามารถนำถุงพลาสติกใสขึ้นในท้องโดยสารได้เพียงคนละ 1 ถุงเท่านั้น และต้องแยกออกจากสัมภาระติดตัวอื่น ๆ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเมื่อถึงจุดตรวจค้น

4. ของเหลวที่ได้รับการยกเว้นได้แก่ นม และอาหารสำหรับเด็กทารกในปริมาณที่เหมาะสม รวมถึงยาที่มีเอกสารกำกับชัดเจน

5. ของเหลว เจล และสเปรย์ ที่ซื้อจากร้านค้าปลอดอากร (Duty Free Shops) ที่สนามบินหรือบนเครื่องบิน ต้องบรรจุในถุงพลาสติกใสถุงปิดผนึกปากถุง ไม่มีร่องรอยการเปิดปากถุง และมีหลักฐานแสดงว่าได้ซื้อ ณ วันที่เดินทาง และควรตรวจสอบข้อมูลจากร้านค้าปลอดอากรก่อนซื้อสินค้า


ขอบคุณข้อมูล
http://www.thaifly.com/

ทำอย่างไรดีถ้าต้องนั่งเครื่องนานๆ

เราลองมาดูวิธีการที่แสนจะง่ายดาย กับการสร้างความสุขให้กับตัวเองเวลานั่งเครื่องบินกันดีกว่าคะ

1.แต่งชุดสบายๆ ไม่รัดรึง ไม่ใส่เสื้อผ้าที่จะเกิดไฟฟ้าสถิต

2.ถ้าขี้หนาว ควรมีเสื้อคลุมหรือสเวตเตอร์บางๆ ติดตัว

3.เตรียมอุปกรณ์ล้างหน้า แปรงฟัน ผัดแป้งไว้ใช้เวลารู้สึกโทรม เต็มทน

4.ติดหนังสืออ่านเล่นของนักเขียนชั้นดีที่ไม่มีเวลาอ่านสักทีตอนอยู่บ้านเอาไปอ่านด้วยเพลินๆ

5.เกมกดเกมใหม่ก็ฆ่าเวลาได้ไม่เลว โดยเฉพาะสำหรับเด็กๆ และผู้ใหญ่ที่หัวใจไม่ยอมแก่

6. ถ้าเป็นคนเมาเครื่องบินหรือรู้สึกวิงเวียนได้ง่าย ควรรับประทานยากันเมาก่อนเครื่องขึ้นครึ่งชั่วโมง ยาจะทำให้ง่วงและหลับสบายด้วยเช่นกัน

7.อย่ารับประทานอาหารมากเกินไป และไม่ควรดื่มเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์หรือน้ำอัดลมมากนัก เพราะจะทำให้ท้องอืดและอึดอัด

8. ใส่รองเท้าที่สวมสบาย ไม่บีบคับ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงควรหลีกเลี่ยงรองเท้าหัวแหลมที่ฟิตเปรี๊ยะพอดี เพราะเวลานั่งนานๆ เท้าจะบวกขึ้นเล็กน้อย ทำให้ทรมานยิ่งนัก และถ้าเผลอถอดรองเท้าด้วยแล้วอาจจะใส่กลับไปไม่ได้เลยทีเดียว

9. ลุกขึ้นเดินและเปลี่ยนอิริยาบถบ้างในเวลาที่เครื่องบินลอยตัวนิ่ง แต่เวลาพนักงานต้อนรับกำลังเสิร์ฟอาหาร หรือมีสัญญาณให้รัดเข็มขัดนั่งอยู่กับที่ พึงอยู่กับที่ อย่างเพิ่งลุกขึ้นมาเดินออกกำลังกายตอนนั้น

10.นำสัมภาระติดตัว ขึ้นเครื่องเท่าที่จำเป็น คือ ใส่กระเป๋าขนาดเล้กที่เรียกว่า เคบินแบ็กเกจเพียง 1 ใบพอ กระเป๋านี้จะวางใต้ที่นั่งข้างหน้าหรือในช่องเก็บของเหนือศรีษะได้ ทำให้มีที่วางเท้า มีที่พอจะขยับตัว และไม่เกะกะผู้โดยสารคนอื่นด้วย ถ้าไม่สูบบุหรี่หรือแพ้บุหรี่ ควรยืนยันขอที่นั่งไกลๆ จากแถวสูบบุหรี่ มิฉะนั้นจะทรมานมากยามที่ควันบุหรี่อวลอยู่หลายๆ ชั่วโมง

11.ถ้า ไม่ทานเนื้อ แพ้อาหารทะเล หรือรับประทานอาหารเจ ให้แจ้งตั้งแต่จองตั๋วเครื่องบิน เพราะถ้าผู้โดยสารเต็มลำ อาหารที่ให้เลือกอีกอย่างหมดเหลือแต่ที่เรากินไม่ได้จะหิวแทบตายเสียเปล่าๆ

12.การนั่งเครื่องบินให้มีความสุข อยู่ที่ตัวเราจะเป็นผู้สร้างความสุขให้ตัวเราเองโดยไม่รบกวนผู้โดยสารอื่น และที่สำคัญแอร์โอสเตสกับสจ๊วตท่านมีหน้าที่ให้บริการ แต่ความสุขประเภทเกินเลยนั้นท่านไม่เกี่ยว


ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก นิตยาสารเที่ยวรอบโลก

การพาลูกขึ้นเครื่องบิน

1. เด็กที่มีอายุไม่ถึง 2 ขวบ ถ้าไม่ต้องการที่นั่ง จะเสียค่าตั๋วเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ ถ้าต้องการที่นั่งเสียครึ่งราคา ถ้าไม่ใช่เด็กเล็กมาก ๆ ขนาดนอนเปลอย่าเสียดายสตางค์ ควรจะจองที่นั่งเผื่อเด็กจะมีที่ให้นอนได้สบาย ๆ

2. ขอที่นั่งด้านหน้าที่กว้างขวางและมีที่ใส่เปลไว้ล่วงหน้า สายการบินสามารถให้บริการตรงนี้ได้ ถ้าจองผ่านบริษัททัวร์ก็ควรขอให้เจ้าหน้าที่บริษัทแจ้งกับสายการบินด้วย

เตรียม ของใช้ส่วนตัวต่าง ๆ ของเด็กให้ครบและพร้อมไม่ว่าจะเป็นผ้าอ้อมสำเร็จรูป ขวดนม นม เสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยน และอย่าลืมถุงเท้าและเสื้อกันหนาว เพราะอากาศบนเครื่องบินอาจจะเย็นเกินไปได้ในบางครั้ง

3. เตรียมของเล่นที่ลูกคุ้นเคยและโปรดปราน สำหรับเด็กที่โตขึ้นมาหน่อย อาจต้องเตรียมของเล่นที่แม่หรือพ่อสามารถจะเล่นกับลูกได้ เพื่อให้ลูกเพลิดเพลิน โดยเฉพาะเวลาบินระยะไกล ๆ

4. เตรียมเขียนชื่อลูก ชื่อพ่อแม่ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ทั้งที่บ้านและจุดหมายปลายทางติดไว้ที่ตัวเด็ก เช่น ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ หรือเขียนห้อยคอไว้เผื่อเกิดพลัดหลง โดยเฉพาะเด็กที่เดินได้ อาจวิ่งหายไปในสนามบินที่พลุกพล่าน

5. อย่าให้ลูกใส่เครื่องประดับที่มีค่า เช่น สร้อยทอง สร้อยข้อมือ

6. ปรึกษาแพทย์เพื่อเตรียมยากันเมาเครื่องบินไปล่วงหน้า อย่ากินสุ่มสี่สุ่มห้าละ พ่อแม่บางคนอาจเคยได้รับคำแนะนำให้ลูกเล็ก ๆ ที่งอแงกินยานอนหลับอ่อน ๆ ระหว่างเดินทาง เพื่อลูกจะได้ไม่กวน โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนเช่นกัน

7.ใช้รถเข็นเด็กหรือกระเป๋าสำหรับอุ้ม เด็ก จะช่วยให้แม่ (หรือพ่อ) มีมือที่จะหิ้วสัมภาระหรือทำสิ่งต่าง ๆ ได้สะดวก โดยเฉพาะช่วงที่อยู่ที่สนามบิน

8. ถ้าลูกโตขนาดวิ่งได้และกำลังซน ควรใช้ที่จูงแบบฝรั่ง (เป็นสายพลาสติกยืดได้ผูกเอวลูกไว้ข้างหนึ่ง และแม่ถือไว้อีกข้าง) จะทำให้ลูกไม่สามารถสิ่งปำกลจากตัว ไม่ต้องวิ่งจับกันไปรอบ ๆ สนามบินหรือเครื่องบิน

9.อย่าให้ลูกกินอาหารมากเกินไป ควรให้ดื่มน้ำมาก ๆ แต่อย่าให้ดื่มน้ำอัดลม โดยเฉพาะเด็กวัย 4-5 ขวบที่กำลังชอบน้ำอัดลมและพี่ ๆ แอร์โฮสเตสมักจะเอ็นดูเป็นพิเศษ เพราะในสภาพความกดอากาศในเครื่องบิน น้ำอัดลมจะทำให้ท้องอืด เด็กจะรู้สึกไม่สบาย งอแง และอาจจะอาเจียน


ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก นิตยสารเที่ยวรอบโลก

แต่งกายให้เหมาะสม เวลาขึ้นเครื่องบิน

1. เวลาขึ้นเครื่องบินโดยเฉพาะเที่ยวบินที่ยาวเกิน 6 ชั่วโมง ควรใส่ชุดสวมสบายไม่รัดรึง เป็นผ้าที่ไม่ยับง่ายอย่างผ้าลินิน ลองใช้เสื้อยืด กาลเกงยืด หรือกางเกงวอร์มจะเหมาะที่สุด ส่วนกางเกงยีนส์จะค่อนข้างแข็งและรัด นั่งนานๆ เข้าจะอึดอัดและเสียดสียิ่งนัก

2. หลีกเลี่ยงผ้าใยสังเคราะห์ที่ก่อให้เกิดไฟฟ้าสถิตเพราะคุณจะมีเสียงเปรี๊ยะๆ ดังตลอดเวลาที่ขยับตัว

3. ติดเสื้อแจ็กเก็ตบางๆ ไปด้วยเพราะอากาศบนเครื่องบินค่อนข้างจะเย็น

4. เตรียมผ้าขนหนูผืนเล็ก พร้อมเครื่องใช้ส่วนตัว เช่น แป้ง แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ยี่ห้อโปรดไว้ล้างหน้าตาก่อนเครื่องลง

ถ้าคุณต้องการ “ดูดี” เมื่อมีคนมาส่งที่สนามบินและต้อง “ดูดี” เพราะจะมีคนมารับที่สนามบิน วิธีง่ายๆ คือ

1. หากระเป๋าเดินทางแบบใส่ชุดสูทแขวนได้ใช้สักใบ

ถ้า ต้องการ “ดูดี” ที่ปลายทาง ให้แต่งตัวตามสบายขั้นเครื่องบิน แต่หิ้วกระเป๋าใส่สูทหรือชุดสวยติดตัวไปด้วย แอร์โฮสเตสจะดูแลนำไปแขวนให้ (เครื่องบินทุกลำ ทุกสายการบินมีบริการนี้) เมื่อใกล้จะถึงค่อยขอมาเปลี่ยน หรือถ้าไม่อยากประดักประเดิกในห้องน้ำแคบๆ ก็ลงไปเปลี่ยนที่ห้องน้ำของสนามบินปลายทาง ก่อนที่จะตรวจตราและรับกระเป๋าเดินทางออกไป

2. หากจำเป็นต้องใส่สูทหรือชุดสวนตั้งแต่ต้นและตลอดทาง ควรเลือกใช้ผ้าแบบยับยาก คุณผู้ชายให้ติดเสื้อยืดไปอีกสักตัวในกระเป๋าเอกสาร เมื่อขึ้นเครื่องบินก็ค่อยถอดสูทให้แอร์โฮสเตสนำไปแขวน

ควรเปลี่ยน เสื้อเชิ้ตพับไว้หันมาใส่เสื้อยืดแทน จะได้นอนกอดอกสบายไม่ต้องกลัวเสื้อยับ เมื่อถึงจุดหมายค่อยเปลี่ยนกลับ ส่วนคุณผู้หญิง มีผ้าหลายชนิดที่ “ไม่ยับ” ให้เลือกใช้ตัดชุดเดินทางปรึกษาช่างเสื้อของคุณดู เธอย่อมรู้ดี ผ้าที่มีลายและสีเข้มจะดูไม่ออกเวลาที่ยับ ต่างกับผ้าพื้นสีอ่อนๆ


ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก นิตยสารเที่ยวรอบโลก

เตรียมตัวให้พร้อมเมื่อต้องขึ้นเครื่อง

10 เคล็ด (ไม่) ลับ เมื่อเลือกเดินทางโดยเครื่องบิน

หลาย ท่านที่เดินทางบ่อยๆ เป็นประจำ อาจมองข้ามจุดเล็กๆ น้อยๆ ในการปฏิบัติตัวบนเครื่องบินไป เนื่องจากความเคยชินและคิดว่าไม่น่าจะเป็นอันตรายอะไร สิ่งเล็ก ๆ น้อยๆ เหล่านี้ที่คุณมองข้ามไป มีอยู่หลายอย่าง ที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง เรื่องเล็กน้อยที่เหมือนเส้นผมบังภูเขานั้น อาจจะทำให้เกิดผลกระทบที่คุณคาดไม่ถึงได้ และเพื่อให้เที่ยวบินของคุณราบรื่นและสุขสนุก ตลอดการเดินทาง ลองอ่านและปฏิบัติตามกับเคล็ด (ไม่) ลับ 10 ประการต่อไปนี้ดู ซึ่งไม่ได้ยากเย็นอะไรเลยครับ

1. เลือกเส้นทางบินแบบเทคเดียวจบ
จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางเครื่องบินนั้น ช่วงที่ถือได้ว่าเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือ ตอนขณะเครื่องขึ้น (takeoff) , เครื่องไต่ระดับ (climb), เครื่องลดระดับ (descent) และช่วงนำเครื่องลง (landing) ฉะนั้นเพื่อลดความเสี่ยงในโดยสารเครื่องบิน หากเป็นไปได้ ให้เลือกเดินทางในเส้นทางบินที่ non-stop น่าจะดีกว่า นอกจากนี้ยังประหยัดเวลาและไม่เหนื่อยล้า สำหรับการเดินทางของคุณด้วย

2. เล็กๆ ไม่ ใหญ่ๆ ดีกว่า
ทราบมาว่า เครื่องบินที่มีที่นั่งมากกว่า 30 ที่ขึ้นไป จำเป็นที่จะต้องผ่านการตรวจสอบตามข้อกำหนดของการบินสากล ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่เคร่งครัด สำหรับการออกแบบเครื่องบินที่ปลอดภัยและมีการทดสอบก่อนบินจริง ดังนั้นเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่กว่า ย่อมหมายถึงประสิทธิภาพและสมรรถนะที่ดีกว่าเครื่องบินขนาดเล็ก โอกาสที่จะเกิดปัญหาทางเทคนิคก็น้อยลงนั่นเอง ของแบบนี้ คุณควบคุมไม่ได้ ใช่ไหมครับ?

3. ใส่ใจกับการสาธิตวิธีการใช้อุปกรณ์ต่างๆ และวิธีการเพื่อความปลอดภัย
คงจะมีบ้าง ที่คุณคิดว่า ผม/ดิฉัน เดินทางเป็นประจำ รู้อะไรต่างๆ ดี จึงเพิกเฉยกับการสาธิตต่างๆ จากพนักงานต้อนรับบน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว แต่ละเที่ยวบินของคุณนั้น คุณอาจจะถูกจัดที่นั่งในที่ที่ต่างไปจากเที่ยวบินก่อนๆ หรือรุ่นของเครื่องบินที่คุณกำลังเดินทางต่างแบบกัน หรือเป็นสายการบินที่ไม่เคยใช้บริการมาก่อน ฉะนั้นทางออกฉุกเฉิน รวมถึงอุปกรณ์ช่วยชีวิตต่างๆ ก็ต้องแตกต่างไปจากที่คุณเคยเห็นแน่นอน สนใจศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมสักนิด สละเวลานั่งอ่านหนังสือพิมพ์เฉยๆ ซักไม่กี่นาที เพี่อชมการสาธิต และศึกษาคู่มือความปลอดภัย (Safety Card) ในกระเป๋าหน้าที่นั่งของท่านสักหน่อย อาจจะช่วยชีวิตคุณได้ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดนะครับ

4. การเก็บกระเป๋าสัมภาระส่วนตัว
ยิ่งเดินทางไกล หรือเดินทางไปนานๆ กระเป๋าของคุณก็มีน้ำหนักมากขึ้นตามไปด้วย สายการบินส่วนใหญ่ จะกำหนดน้ำหนักสัมภาระสำหรับหิ้วขึ้นเครื่องของผู้โดยสารเอาไว้ คุณควรจะปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด ทั้งนี้ทั้งนั้น เพื่อความสะดวกและปลอดภัยของคุณเอง การมีสัมภาระที่หนักอึ้งเหมือนภาระชีวิตใครบางคน เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่องเก็บของเหนือศีรษะนั้น สายการบินมีการจำกัดน้ำหนักเอาไว้ แต่ในความเป็นจริง เราไม่สามารถชั่งน้ำหนักในเครื่องก่อนเก็บไว้ได้ หากเกิดสภาพอากาศแปรปรวน (turbulence) ที่รุนแรง ช่องเก็บของอาจจะรับน้ำหนักจากการกระแทกของกระเป๋าหนักๆ ไว้ไม่ไหว ทีนี้หล่ะ หัวใครหัวมันครับ

นอกจากนี้บางคนยังวางเก็บกระเป๋าไว้ใต้ขา เพื่อเอาไว้รองขาเวลานอนนั้น จริงๆ แล้วอันตรายครับ หากเกิดสภาพอากาศแปรปรวนอย่างรุนแรงมากๆ กระเป๋าอาจจะลอยขึ้นแล้วตกลงมา ทำให้ผู้คนบาดเจ็บได้ จึงขอแนะนำให้นำแต่สัมภาระที่จำเป็น เก็บสัมภาระที่ไม่จำเป็นหรือหนักเกินไป โหลดเข้าเก็บในกระเป๋าใหญ่ ส่งไปใต้เครื่องดีกว่าครับ

5. รัดเข็มขัดนิรภัย ปลอดภัยที่สุด
นอกจากจำเป็นต้องรัดเข็มขัดนิรภัยขณะเครื่องขึ้นและลงแล้วนั้น ระหว่างการเดินทาง ควรรัดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งขณะนั่ง ถึงแม้มันอาจจะอึดอัดและไม่สบายตัว แต่การปฏิบัติเช่นนี้เป็นการป้องกันตัวคุณเองจากการตกหลุมอากาศแบบกระทันหัน ซึ่งบางครั้ง เป็นไปได้ที่นักบินไม่สามารถทราบได้จากหน้าจอเรดาห์

6. รับฟังและปฏิบัติตามคำแนะนำจากลูกเรือ
นอกเหนือจากหน้าที่ที่พนักงานต้อนรับ หรือที่เราเรียกกันติดปากว่าแอร์กับสจ๊วต จะดูแลและบริการคุณระหว่างการเดินทางแล้วนั้น การดูแลเรื่องความปลอดภัยของผู้โดยสาร ก็เป็นหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของพวกเขาด้วย ดังนั้นหากคุณได้รับการร้องขอหรือแจ้งให้ปฏิบัติ ก็ทำตามคำแนะนำและคำขอจากพวกเขาด้วย เช่นให้รัดเข็มขัดนิรภัย, เก็บสัมภาระไว้ในช่องเก็บของเหนือศีรษะ, ปรับพนักพิงหลังให้ตรง ฯลฯ เพราะสิ่งเหล่านี้ ล้วนเพื่อความปลอดภัยของคุณและผู้โดยสารคนอื่นๆ ทั้งสิ้น

7. ของร้อนโปรดระวัง
ระหว่างเที่ยวบินของคุณ แน่นอนที่สุด ที่พนักงานต้อนรับจะต้องให้บริการท่านด้วยชาและกาแฟร้อน หรือแม้แต่น้ำร้อนๆ ที่ผู้โดยสารขอ ดังนั้นเพื่อป้องกันการบาดเจ็บจากการถูกน้ำร้อนลวก บางสายการบิน พนักงานจะมีถาดไว้ให้คุณวางถ้วยกาแฟ กรุณารอจนพนักงานรินให้คุณเสร็จเรียบร้อยก่อน แล้วคุณจึงหยิบถ้วยกาแฟด้วยความระมัดระวัง หรือบางสายการบินไม่มีถาด แต่จะรินลงแก้วให้คุณโดยตรง อันนี้ต้องระวังครับ ควรรอให้พนักงานรินเสร็จเสียก่อน จึงค่อยดึงแก้วกลับมา มิเช่นนั้น กาแฟร้อนๆ อาจจะรดลวกตักคุณกลางอากาศได้ และบนเครื่องเอง ก็ไม่ใช่โรงพยาบาลเคลื่อนที่ด้วยซิ

8. ดื่มพอเป็นพิธี
เนื่องจากระหว่างการเดินทาง เครื่องบินนั้นต้องบินอยู่ในระดับความสูงที่สูงจากระดับน้ำทะเลมาก ภายในห้องโดยสารจึงต้องมีการปรับความดันให้คนเราสามารถอาศัยได้อย่างสบาย แม้จะมีการปรับสภาพแล้วก็ตาม ภายในห้องโดยสารก็ยังเปรียบได้กับสภาพบนภูเขาสูง อากาศจะเบาบางกว่าระดับน้ำทะเล ซึ่งการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์นั้น เป็นผลทำให้คุณเมาเร็วกว่าปกติ และเสี่ยงต่อการจับตัวเป็นก้อนของเลือดในเส้นเลือดของคุณ นำไปสู่อาการของโรคชั้นประหยัด (Economy Class Syndrome) ฉะนั้นจึงควรดื่มของมึนเมาแต่พอประมาณ และดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ

9. เขตปลอดวัตถุอันตราย
มีวัตถุหลายรายการที่เป็นสิ่งต้องห้ามบนเครื่องบิน เป็นการดีที่คุณจะศึกษาข้อมูลเหล่านี้ ก่อนเดินทาง ปกติแล้วคุณสามารถหาอ่านได้ ในตั๋วเดินทางของคุณ วัตถุที่ต้องห้ามต่างๆ เช่น แก๊สพิษ น้ำมันก๊าซ วัตถุไวไฟ สารทำละลาย เป็นต้น ทั้งนี้มีบางรายการที่ได้รับการยกเว้น หรือนำติดตัวไปได้ในจำนวนจำกัด

10. หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ไม่คาดฝัน
เช่น จำเป็นต้องออกจากเครื่องโดยเร็ว หรือลี้ภัยฉุกเฉิน (evacuation) คุณต้องปฏิบัติตามคำสั่งของลูกเรือโดยเคร่งครัด เพราะลูกเรือเหล่านั้น ได้รับการฝึกมาให้รับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินมาแล้ว ดังนั้นคุณจึงควรควบคุมสติให้ดี แล้วพยายามหาทางออกที่ใกล้ตัวที่สุด และออกจากเครื่องบินให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ และเมื่อออกจากเครื่องไปแล้ว ให้หนีห่างออกจากเครื่องบินให้ไกลที่สุด วิธีเหล่านี้ คุณได้ศึกษามาแล้วจากการชมการสาธิตของลูกเรือ และจากเอกสารคู่มือความปลอดภัยในกระเป๋าหน้าที่นั่งนั่นเอง


ขอขอบคุณข้อมูลดี๊ดีจากนิตยสารเที่ยวรอบโลก

ไปเที่ยวต่างประเทศ ไปกับทัวร์หรือไปเองดี ที่นี่มีคำตอบ

ไปเที่ยวกับทัวร์ หรือไปด้วยตัวเอง ก็มีข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกัน และต้องดูคนที่จะไปด้วยว่าเป็นเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป

ถ้าถามกลุ่มคนวัยรุ่น หรือวัยทำงาน ส่วนใหญ่ ก็จะตอบว่า ไปเองสนุกกว่า มันส์กว่าแน่นอน ได้ตะลุยไปอีกแบบ แต่ถ้าถามคนแก่อายุ 60 ปีขึ้นไป ก็ต้องบอกว่าไปกับทัวร์แน่นอน เพราะถ้าจะให้คนแก่ มาแบกเป้หนัก 10 กว่ากิโล ขึ้นรถบัส ขึ้นรถไฟ ก็คงจะไม่ไหวแน่ๆ

ดังนั้น การไปเที่ยวกับทัวร์ หรือไปด้วยตัวเอง ก็ดีด้วยกันทั้งนั้น ให้เลือกในสิ่งที่เหมาะสมกับตัวคุณมากที่สุดแล้วกันครับ

ไปกับทัวร์ ข้อดี คือ
1. สะดวก สบาย ไม่ต้องทำอะไรมาก บริษัททัวร์จัดการให้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก อาหาร สถานที่ท่องเที่ยว
2. มีไกด์คอยแนะนำ ข้อมูล ประวัติความเป็นมา ความรู้ เกี่ยวกับสถานที่นั้นๆ ตลอดเวลา ทำให้เราเที่ยวได้สนุกมากยิ่งขึ้น
3. มีรถบัส รับส่งตลอด ไม่ต้องไปรอรถประจำทาง หรือรถไฟ


ไปกับทัวร์ ข้อเสีย คือ
1. ทัวร์จะต้องทำเวลา เพื่อให้ได้เที่ยวหลายๆ ที่ ทำให้เราอาจจะมีเวลา อยู่ในที่ใดที่หนึ่ง ไม่นานมาก ซึ่งบางครั้ง เราอยากจะอยู่บริเวณนี้นานๆ หน่อย แต่ก็ทำไม่ได้
2. กรุ๊ปทัวร์ที่ไปเที่ยวด้วยกัน จะมี 15 - 30 คน ซึ่งเป็นกล่มที่ใหญ่พอสมควร ก็อาจจะมีทำให้เสียเวลา หรือคอยกันบ้าง


ไปด้วยตัวเอง ข้อดี คือ
1. ไม่ต้องเสียเวลา รอคอยใคร อยากตื่นนอนกี่โมง กลับโรงแรมกี่โมง ก็ทำได้เลย ตามความพอใจ
2. ได้มีเวลาส่วนตัว กับที่ที่เราต้องการ อยากนั่งซึมซับกับบรรยากาศริมทะเลสาบ นานๆ ก็ทำได้เลย
3. ได้สนุก ได้ตะลุย ค้นคว้า หาสิ่งที่แปลกๆ ใหม่ๆ ซึ่งบางครั้ง ทัวร์ก็ไม่ได้พาเราไปนะตรงจุดนั้นๆ


ไปด้วยตัวเอง ข้อเสีย คือ
1. ต้องทำเองทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น จองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก หาอาหารกินเอง
2. ราคา เมื่อเทียบกับทัวร์ ย่อมแพงกว่า เช่น โรงแรม 3-4 ดาว ถ้าไปเป็นกลุ่มใหญ่ ย่อมได้ราคาถูกกว่า ไปคนเดียวหรือสองคนอยู่แล้ว
3. ต้องเตรียมข้อมูลเองทุกอย่าง ว่าจะเดินทางไปไหน ทำอะไร กินอะไร ซึ่งจะต้องใช้เวลาเตรียมตัวพอสมควรในการศึกษาหาข้อมูล
4. ต้องแบกเป้ กระเป๋าสัมภาระเองทุกอย่าง ซึ่งจะทำให้เมื้อยล้าได้ ถ้าร่างกายไม่พร้อม


thank http://travel.thaiza.com/

การเตรียมรถยนต์ก่อนเดินทางไปท่องเที่ยว

" ยาง " สิ่งจำเป็นที่ต้องหมั่นตรวจสอบ ต้องเป็นยางที่อยู่ในสภาพดี และสิ่งที่ไม่ควรลืมก็คือยางอะไหล่ ที่ต้องเตรียมให้พร้อมอยู่เสมอ

" เบรก " ตรวจตราให้มีความสมบูรณ์ และใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ควรตรวจเช็คน้ำมันเบรค จานเบรก ปั๊มลม และควรมีน้ำมันเบรกสำรองไว้ด้วย

" น้ำ " ในหม้อน้ำ ให้อยู่ในระดับมาตรฐานเสมอ

" น้ำกลั่น " ในหม้อน้ำแบตเตอรี่ ให้อยู่ในระดับที่กำหนดไว้ ควรมีน้ำสำรองเก็บไว้ด้วย

" กระจกมองข้าง " ทั้ง 2 ด้าน และกระจกมองหลังให้อยู่ในสภาพที่มองเห็นได้ชัดเจน

" น้ำมันเครื่อง " ควรตรวจสอบว่าขาดหรือพร่องไปหรือไม่ ควรเติมให้ถึงขีดมาตรฐาน และควรมีสำรองติดรถไว้ด้วย

" น้ำมันเชื้อเพลิง " ควรเติมให้เต็ม และควรคาดคะเน ตามเข็มวัดน้ำมัน และจำเป็นต้องเติมในจุดที่เหมาะสม

" เครื่องมือ " ประจำรถและอะไหล่ต่างๆ ต้องมีติดรถไว้ให้พร้อมเสมอ

" เครื่องมือพยาบาล " ติดรถไว้กรณีฉุกเฉิน หรือในกรณีเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย

ข้อคิดยามเดินทางไกล

» ควรแจ้งกำหนดการ ให้ผู้ที่อยู่ทางบ้าน และปลายทางทราบเสมอ เมื่อต้องการเดินทางไกล เพื่อตรวจสอบ เมื่อมีเหตุ หรือเห็นว่าผิดปกติ เช่นล่าช้ากว่ากำหนด และเมื่อถึง ปลายทางแล้ว ควรแจ้งให้ทางบ้านทราบด้วย

» ข้อเตือนใจสำหรับนักเดินทาง ถ้าเส้นทางใดท่านไม่คุ้นเคย หรือต้องเดินทางตามลำพังในที่เปลี่ยว ไม่ควรไปในเส้นทางนั้น

»อย่าหยุดรถ หรือแวะรับคนข้างทางในที่เปลี่ยวโดยไม่จำเป็น

» นักเดินทางหลายรายเคยพบสิ่งไม่คาดคิด เมื่อคนร้ายอาจจะแกล้งขับรถชนท้ายรถท่านเพื่อให้ลงมาเจรจา แล้วใช้อาวุธปืนจี้ ปล้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ ไม่ควรหยุดรถ แต่ควรเดินทางต่อไปจนถึงป้อมตำรวจ

»ศึกษาเส้นทาง หรือสอบถามเส้นทางจากผู้รู้ให้ละเอียด เพื่อที่จะไม่ต้องเสียเวลาเดินทางย้อนกลับทางเดิม

»การแซงรถ ควรปฏิบัติตามกฎจราจรเสมอ ไม่ควรแซงตรงทางแยก บนเนินเขา บนทางโค้ง และบนสะพาน

ข้อปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน

» กรณีกระจกแตก เมื่อถูกก้อนหิน ก้อนกรวดกระเด็นมาถูกกระจกแตก ข้อควรปฏิบัติคือ ชะลอความเร็วของรถ แล้วเข้าข้างทางทันที ถ้าเป็นกระจก 2 ชั้นยังพอจะขับต่อไปได้ หรืออาจจะทุบกระจกรถเก่าออกให้หมด แล้วโกยเศษแก้วออกมาให้มากที่สุด เมื่อต้องการจะขับรถต่อไปอีก ให้ไขกระจกข้างขึ้นจนมิด เพื่อป้องกันอาการส่ายของรถบน ถนน

»กรณี สุนัขวิ่งตัดหน้า ถ้าชะลอไม่ทันอาจจำเป็นต้องตัดสินใจชน มิฉะนั้นรถอาจเสียหลักได้ ถ้ากรณีที่เป็นสัตว์ใหญ่ไม่ควรบีบแตร เพราะจะทำให้สัตว์เหล่านั้นตกใจ และย้อน มาทำอันตรายได้

»กรณีหม้อน้ำรั่ว ถ้าหาอู่ไม่ได้ ให้ใช้วิธีการ โดยนำเอาสบู่ มาอุดรูรั่วไว้ก่อน เติมน้ำจนเต็ม แล้วขับไปให้อู่ซ่อมแซม

» กรณียางระเบิด เมื่อยางระเบิดกะทันหัน ต้องพยายามถือพวงมาลัยไว้ให้มั่นคง และพยายามบังคับรถเข้าข้างทางอย่างปลอดภัย และไม่ควรใช้เบรกอย่างกะทันหัน เพราะ จะทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำ ควรใช้เกียร์เป็นตัวชะลอความเร็ว โดยเปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำทันที กรณียางระเบิดที่ล้อหลังท้ายรถจะส่าย ควรถือพวงมาลัยให้มั่นคง และรักษาทิศ ทางให้ตรง ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ พยายามย้ำเบรกหลายๆ ครั้งติดกัน เพื่อให้น้ำหนักตกอยู่ข้างล้อที่ใช้งานได้ กรณียางระเบิดที่ล้อหน้า พยายามจับพวงมาลัยให้มั่นคง ใช้ เบรกให้เบาที่สุด ถ้าแฉลบไปทางใดต้องคืนพวงมาลัยกลับมาให้ตรงทิศทาง จนกว่าจะนำเข้าข้างทางเรียบร้อย

»กรณีคันเร่งน้ำมันค้าง ให้ใช้เบรกช่วยโดยไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับคลัตช์ เพราะเมื่อเหยียบคลัตช์ จะทำให้รอบเครื่องยนต์สูงขึ้นทันที อาจจะทำให้เกิดความเสียหายได้ จะใช้ คลัตช์ในกรณีที่เปลี่ยนเกียร์เท่านั้น และเมื่อลดความเร็วลงมาอยู่ในอัตราที่ปลอดภัยแล้ว ใช้ปลายเท้าสอดเข้าไปใต้คันเร่งแล้วงัดขึ้นมา ถ้าคันเร่งไม่ขึ้น ก็พยายามนำรถเข้า ข้างทาง แล้วปิดสวิตช์การทำงานทันที

ข้อควรระวัง
• การปิดสวิตช์กุญแจ ควรปิดไว้ที่ตำแหน่ง OFF อย่าปิดที่ LOCK เพราะจะทำให้พวงมาลัยทำงานไม่ได้

• กรณีฝากระโปรงรถเปิดเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ฝากระโปรงเปิดจนปิดกระจกบังลมหน้า การแก้ไขควรชะลอ และมองดูรถคันหลังด้วยว่ากระชั้นชิดหรือไม่ อย่าหยุดรถกะทันหัน เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ นำรถเข้าข้างทาง แล้วปิดให้เรียบร้อย

• เมื่อความร้อนขึ้นสูงผิดปกติ ให้รีบลดความเร็ว แล้วนำรถเข้าข้างทาง ตรวจดูรอยรั่วของหม้อน้ำ และข้อต่อต่างๆ สายพาน ถ้ามีน้ำพอ ให้ใช้น้ำราดลงหม้อน้ำได้เลย แต่ถ้า มีน้ำไม่พอ คอยให้เครื่องเย็น แล้วจึงเติมน้ำลงในหม้อน้ำ

• ถ้าที่ปัดน้ำฝนไม่ทำงาน พยายามนำรถเข้าหาอู่ หรือถ้าฝนตกหนักควรจอดพักดีกว่า

• กรณีรถสตาร์ทไม่ติด เกิดจากแบตเตอรี่ไม่มีไฟ ให้พยายามลาก หรือเข็น แล้วสตาร์ทกระตุก โดยให้ใช้เกียร์ 2 เหยียบคลัตช์ เมื่อความเร็วได้ที่ปล่อยคลัตช์ แล้วเหยียบคัน เร่ง หรือให้ใช้สายแบตเตอรี่พ่วงกับรถคันอื่น แล้วสตาร์ท

อุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ยามเดินทางไกล

– อุปกรณ์สำหรับการเปลี่ยนยาง แม่แรง กากบาทถอดล้อ

– อุปกรณ์ส่องสว่าง ประเภทไฟฉาย ควรติดรถไว้ตลอด

– อุปกรณ์สำหรับการลากจูง

– อุปกรณ์สำหรับการพ่วงไฟ เช่น สายพ่วงแบตเตอรี่

– หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน ทั้งตำรวจทางหลวง และตำรวจท่องเที่ยว

– น้ำเปล่าสำหรับเติมหม้อน้ำ

– น้ำมันเครื่อง

ข้อมูล
http://www.mocyc.com/